[Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
+5
kor
DarkPhoenix
parima28
Zetsubou Semi
Admin
9 posters
OCFF-First class Admin Enterbook :: เหล่าผู้ถูกเลือก[แนะนำตัวทีนี้] :: ลานประลอง :: ลานประลอง :: เควสนอกรอบ
หน้า 1 จาก 2
หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
[Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
เจ้าของเควส :ปิเอโร่โซเรน
สถานที่:ในโรงแรมไมนัส
จำนวนเทิร์นอย่างต่ำ : 4 เทิร์น
จำนวนผู้เล่นที่กำหนด : 4 คน
รางวัลเควส(ผู้เล่น) : สเปรย์อาเบะ
รางวัลเควส(ผู้ให้คำแนะนำการแต่ง) : สมุดเดธโน๊ต
รางวัลเควส(ผู้เข้าชม คอมเม้น) : หนังสือโป๊ของKเบย์
รายละเอียด : ผมโดนผู้เข้าแข่งขันทุกคนดูถูกว่าทำไมถึงแต่งตัวประหลาดแถมชอบใ่ส่หน้ากากแปลกๆแล้วยังบอกอีกว่าผมไม่น่าทำหน้าที่โฆษกได้ ถ้าพูดแบบนั้นละก้อ!!
เล่นเกมส์ไล่จับกันหน่อยไหม และผมมีของดีให้กับพวกคุณด้วย สเปรย์อาเบะ มันอาจจะช่วยถอนคำสาปให้กับพวกคุณได้ด้วยนะ กล้าเล่นกับผมหรือเปล่า!~
เจ้าตัวตลกวิ่งหายไปในโรงแรมไมนัส หลบซ่อนด้วยความเร็วที่คนอื่นๆไม่มีืทางจับได้
ยังไม่พอเขายังมีร่างปลอมที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ไว้ที่ถูกแยกออกมาอีกนับไม่ถ้วน!
ตามมาสิครับ ตามมา หึ ๆ!!~
รอยยิ้มที่สดใส แลดูมั่นใจยิ่งนัก...
*เงื่อนไขที่กำหนด*
1 : โซเรนวาร์ปในระยะสั้น ๆ ได้ไวมาก
2 : โซเรนแยกร่างได้อนันต์ร่าง แต่เมื่อถูกการแตะต้องหรือโจมตีจะสลายไป
3 : โซเรนสร้างภาพลวงตา ให้ผู้เข้าแข่งหลอนเห็นทุกสิ่งเป็นตนเองได้ แม้แต่คนที่เดินไปมา
4 : ผู้เข้าแข่งขันจะโดนโซเรนยึดอาวุธไป
5 : โซเรนจะไม่โจมตีผู้เข้าแข่งขัน ได้แต่ยียวนกวนเท้าวิ่งหนีไปเรื่อย
ไล่จับโซเรนให้ได้!
[TURN 1] COMPLETE gizzza
[TURN 2] COMPLETE parima28
[TURN 3] COMPLETE DarkPhoenix
[TURN 4] COMPLETE RUMINA
ส่งเควส วันนี้-29เวลาเที่ยงคืน หากเทริ์นไหนมีธุระอะไร โปรดแจ้งด้วย
สถานที่:ในโรงแรมไมนัส
จำนวนเทิร์นอย่างต่ำ : 4 เทิร์น
จำนวนผู้เล่นที่กำหนด : 4 คน
รางวัลเควส(ผู้เล่น) : สเปรย์อาเบะ
รางวัลเควส(ผู้ให้คำแนะนำการแต่ง) : สมุดเดธโน๊ต
รางวัลเควส(ผู้เข้าชม คอมเม้น) : หนังสือโป๊ของKเบย์
รายละเอียด : ผมโดนผู้เข้าแข่งขันทุกคนดูถูกว่าทำไมถึงแต่งตัวประหลาดแถมชอบใ่ส่หน้ากากแปลกๆแล้วยังบอกอีกว่าผมไม่น่าทำหน้าที่โฆษกได้ ถ้าพูดแบบนั้นละก้อ!!
เล่นเกมส์ไล่จับกันหน่อยไหม และผมมีของดีให้กับพวกคุณด้วย สเปรย์อาเบะ มันอาจจะช่วยถอนคำสาปให้กับพวกคุณได้ด้วยนะ กล้าเล่นกับผมหรือเปล่า!~
เจ้าตัวตลกวิ่งหายไปในโรงแรมไมนัส หลบซ่อนด้วยความเร็วที่คนอื่นๆไม่มีืทางจับได้
ยังไม่พอเขายังมีร่างปลอมที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ไว้ที่ถูกแยกออกมาอีกนับไม่ถ้วน!
ตามมาสิครับ ตามมา หึ ๆ!!~
รอยยิ้มที่สดใส แลดูมั่นใจยิ่งนัก...
*เงื่อนไขที่กำหนด*
1 : โซเรนวาร์ปในระยะสั้น ๆ ได้ไวมาก
2 : โซเรนแยกร่างได้อนันต์ร่าง แต่เมื่อถูกการแตะต้องหรือโจมตีจะสลายไป
3 : โซเรนสร้างภาพลวงตา ให้ผู้เข้าแข่งหลอนเห็นทุกสิ่งเป็นตนเองได้ แม้แต่คนที่เดินไปมา
4 : ผู้เข้าแข่งขันจะโดนโซเรนยึดอาวุธไป
5 : โซเรนจะไม่โจมตีผู้เข้าแข่งขัน ได้แต่ยียวนกวนเท้าวิ่งหนีไปเรื่อย
ไล่จับโซเรนให้ได้!
[TURN 2] COMPLETE parima28
[TURN 3] COMPLETE DarkPhoenix
[TURN 4] COMPLETE RUMINA
ส่งเควส วันนี้-29เวลาเที่ยงคืน หากเทริ์นไหนมีธุระอะไร โปรดแจ้งด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Thu May 10, 2012 12:47 am, ทั้งหมด 4 ครั้ง
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
ลงค่าาาาๅ'w'//
***********************
แวะมาส่งเทิร์น1 ค่ะ เห็นท่านแพรบอกให้อีดิทจากโพสเดิม (แล้วจะตรวจว่าแอบแก้ยังไงละเนี่ย...) ไม่รู้ทำถูกรึเปล่านะ
ทั้งหมด4,343ตัวอักษรไม่รวมเว้นวรรคค่ะ
*******************************************************************
บ้าชะมัด!!!
ผมสบถ
ทันทีที่เจ้าตัวตลกพันหน้านั่นวิ่งหายเข้าไป ผมก็พบกับตัวตลกที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์เต็มไปหมดรอบตัว
นี่ แกเป็นอะมีบารึไงฟะ? แยกร่างได้ด้วย แถมแต่ละตัวยังหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ ขณะที่ผมกำลังคิดจะใช้เข็มฉีดยาฟาดเรียงตัวนั้น
ผมก็เพิ่งสำนึกได้ว่า…..
แล้วเข็มฉีดยาตูหายไปไหนฟะ…
“ฮะๆๆ ~ หานี่อยู่งั้นเหรอครับ? “ ทันใดนั้นเจ้าของผมสีซอสมะเขือเทศเข้มข้น75 % ผสมน้ำตาล15 % น้ำส้มสายชูกลั่น 6 % น้ำ 12%
และเกลือบริโภคเสริมไอโอดีน 2.8% ก็โผล่มาพร้อมกับเสียงเราะสดใส แล้วโบกแท่งสีขาวใสคล้ายหมอนข้างรูปเข็มฉีดยาไปมาด้านหลังผม
“ฮ..เฮ้ย! นายเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”ผมหันหลังกลับไปคว้าอาวุธของตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ทว่าตัวตลกผู้มีสีผมซอสมะเขือเทศฯ(ย่อ)
กลับกระโดดหายไปในเงามืดทำให้ผมคว้าได้แต่อากาศ
บัดซบ! อาวุธก็ไม่มี แถมหมอนี่ยังแยกร่าง แล้วก็วาร์ปหนีได้อีก ผมจะหาเจอได้ยังไง
“ถ้าอยากได้คืน ก็รีบจับผมให้ได้สิครับ หึๆๆๆ~” เสียงของเขาดังมาจากในเงามืดที่ไม่ทราบทิศทางแน่ชัด ชวนให้คนฟังสับสน
ประหนึ่งเล่นซ่อนแอบกับเบะม่วงในเกม Ao Oni ที่อาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้
เอ..แต่ไม่สิ เบะม่วงเวลาโผล่มามันจะมีBGMหลอนประจำตัวที่ชวนให้คนฟังขนลุกขนพอง นี่นา พองั้นเวลาเบะม่วงมาใกล้ๆก็จะรู้ตัวได้ทันที
แต่เจ้าหัวมะเขือเทศนี่ไม่เหมือนกันเพราะผลุบโผล่ๆแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง อ่า..ถึงผมจะแอบไปเปลี่ยนBGMเบะม่วงมันให้เป็นเพลงยาราไนก้าแทนก็เถอะ
แต่ดูเหมือนมันจะหลอนกว่าเดิม สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนเป็นเพลงโดเรม่อนทำให้เวลาเบะม่วงโผล่มาทีผมกลับไม่หลอนแต่ผมหัวเราะตกเก้าอี้แทน
เดี๋ยวๆๆๆ! ถึงไหนแล้วเนี่ย
ผมตบหัวตัวเองเบาๆ ไม่ใช่สิ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเบะม่วงเลย ผมต้องตามหาปิเอโร่หัวซอสมะเขือเทศเข้มข้น75 % ผสมน้ำตาล15 % น้ำส้มสายชูกลั่น 6 % น้ำ 12%
และ เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน 2.8% นั่นต่อแล้ว!
แต่ซอสมะเขือเทศ75 %นั่นพอที่จะบรรยายสีผมของหมอนั่นได้รึเปล่าน้า..เพราะสีของซอสมะเขือเทศค่อนข้างหม่นๆ ส่วนสีผมของตัวตลกนั่นเป็นสีแดงแสบตา
เพราะฉะนั้นซอสมะเขือเทศต้องผสมพริกกับแครอทไปด้วยถึงจะถูก แต่จะผสมเท่าไหร่ดีล่ะถึงจะได้สีแบบนั้นละเนี่ย ผสมแล้วมันจะอร่อยเหรอ
อืม..งั้นต้องใช้แครอทสับ 500 กรัม กับ…
โว้ย! เดี๋ยวสิ ตอนนี้ผมต้องไปตามหาปิเอโร่ไม่ใช่เหรอ!
ผมตบหัวตัวเองอีกรอบ ช่างหัวซอสมะเขือเทศไปเหอะ เอาเป็นว่าเรียกตัวตลกนั่นย่อๆว่า’หัวมะเขือเทศ’ก็แล้วกัน
รู้สึกตั้งแต่มาที่นี่ความคิดผมจะไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย คงไม่เกี่ยวกับคำสาปหรอกนะ คำสาปผมเป็นคำสาปขี้เกียจ ไม่ใช่คำสาปพูดมากคิดมากซะหน่อย!
ในขณะที่ผมกำลังคิดมั่วซั่วอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าคอเสื้อผมเอาไว้
“จับตัวได้แล้วละครับ คุณปิเอโร่”อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม”ผมชนะแล้วนะครับ”
ห...หา....
ผมติดสตั้นด์ไปซักพัก ..
พอผมจับใจความประโยคนั้นได้ผมก็ตวาดกลับไปทันที”ใครเป็นตัวตลกหัวมะเขือเทศนั่นไม่ทราบ! ฉันหน้าตาเหมือนตัวตลกนั่นนักรึไงหา”
ทันทีที่ผมตวาดเสร็จ เขากับผมก็ชะงัก
ผมเพิ่งสังเกตุหน้าเขาดีๆ เขามีผิวสองสี สวมแว่นทึบขนาดใหญ่ปิดครึ่งหน้าไว้จนไม่เห็นแม้แต่ดวงตา ดูแล้วเหมือนพวกหนอนหนังสือที่ชอบใส่แว่นหน้าเตอะในการ์ตูนญีปุ่น
ผมสีดำชี้ฟูเหมือนหางเป็ด น่าจับไปย่างกิน
ผมจำได้แล้ว! เขาคือคนที่ลงแข่งเหมือนผม รู้สึกจะชื่อ..อะไรน้า..เฟรน? เฟรน เชอรี่มั้ง?
.
“คุณ…? ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา แปลกจัง..ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย”เขาพึมพัมด้วยความสงสัย
เอ่อ.. นายสายตาสั้นขนาดไหนเนี่ย ผมสีน้ำเงินเหมือนน้ำหวานบลูฮาวายเข้มข้น70% ผสมน้ำ30%แบบฉันไม่น่าจะมองเห็นผิดเป็นหัวสีมะเขือเทศแบบปิเอโร่ได้หรอกนะ
อ่ะ จริงด้วย..”ถ้าจำไม่ผิด เจ้าปิเอโร่นั่นสร้างภาพลวงตา ให้คนอื่นเห็นทุกอย่างเป็นตัวเองได้นี่นา….”ผมบอกสันนิษฐานของผมไป
“อ่ะ! จริงด้วยสินะครับ”อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย
อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนมีเหตุผลดี ไม่เอะอะพุ่งเข้าชน บางทีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรซักเท่าไหร่ ผมนึกว่าจะมีแต่พวกอารมณ์ร้อนเอะอะก็ตีกันซะอีก
บางทีน่าจะพอแท็คทีมกันได้ละมั้ง… ?
ผมจึงตัดสินใจแนะนำตัวและชวนเขา“ฉัน ฮาจิเซ็น เรย์คุ เรียกว่าเรย์เฉยๆก็ได้ เป็นผู้เข้าแข่งขันน่ะ ถ้าไม่รังเกียจมาช่วยกันทำเควสนี้ด้วยกันมั้ย”
พอผมพูดจบก็ยืนมือออกไปให้อีกฝ่ายจับตามมารยาทตะวันตก
“อ่า..ผม เฟรน เซอร์เรย์ครับ ขอโทษที่เข้าใจผิดไปเมื่อกี้”เขายิ้มบางๆด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมามาจับมือผม
แล้วผมก็เพิ่งเข้าใจว่าผมจำชื่อเขาผิด ไม่ใช่เฟรน เชอรี่แต่เป็นเฟรน เซอร์เรย์ต่างหาก ”ถ้าเกิดว่าไม่รบกวนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”
เยส! เท่านี้ก็ได้เพื่อนร่วมทางมา 1 คน เอ่อ..ถึงสุดท้ายเขากับผมก็ต้องแย่งกันไล่จับปิเอโร่อยู่ดีอ่ะนะ
ช่างมันเถอะ! คน 2หัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเกาะกลุ่มกับผู้เข้าแข่งขันกันไว้ก็จะไม่ต้องสับสนนว่าคนอื่นเป็นปิเอโร่อีก
คอยดู! ฉันจะจับนายแล้วเอาสเปรย์ชื่ออุบาทว์นั่นมาถอนคำสาปให้ได้เลยปิเอโร่!!
***********************
แวะมาส่งเทิร์น1 ค่ะ เห็นท่านแพรบอกให้อีดิทจากโพสเดิม (แล้วจะตรวจว่าแอบแก้ยังไงละเนี่ย...) ไม่รู้ทำถูกรึเปล่านะ
ทั้งหมด4,343ตัวอักษรไม่รวมเว้นวรรคค่ะ
*******************************************************************
ผมโดนผู้เข้าแข่งขันทุกคนดูถูกว่าทำไมถึงแต่งตัวประหลาดแถมชอบใส่หน้ากากแปลกๆ แล้วยังบอกอีกว่าผมไม่น่าทำหน้าที่โฆษกได้ ถ้าพูดแบบนั้นละก็!!
เล่นเกมส์ไล่จับกันหน่อยไหม และผมมีของดีให้กับพวกคุณด้วย'สเปรย์อาเบะ'มันอาจจะช่วยถอนคำสาปให้กับพวกคุณได้ด้วยนะ กล้าเล่นกับผมหรือเปล่า!~
เจ้าตัวตลกวิ่งหายไปในโรงแรมไมนัส หลบซ่อนด้วยความเร็วที่คนอื่นๆไม่มีทางจับได้
ยังไม่พอเขายังมีร่างปลอมที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ไว้ที่ถูกแยกออกมาอีกนับไม่ถ้วน!
ตามมาสิครับ ตามมา หึ ๆ!!~
รอยยิ้มที่สดใส แลดูมั่นใจยิ่งนัก...
เล่นเกมส์ไล่จับกันหน่อยไหม และผมมีของดีให้กับพวกคุณด้วย'สเปรย์อาเบะ'มันอาจจะช่วยถอนคำสาปให้กับพวกคุณได้ด้วยนะ กล้าเล่นกับผมหรือเปล่า!~
เจ้าตัวตลกวิ่งหายไปในโรงแรมไมนัส หลบซ่อนด้วยความเร็วที่คนอื่นๆไม่มีทางจับได้
ยังไม่พอเขายังมีร่างปลอมที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ไว้ที่ถูกแยกออกมาอีกนับไม่ถ้วน!
ตามมาสิครับ ตามมา หึ ๆ!!~
รอยยิ้มที่สดใส แลดูมั่นใจยิ่งนัก...
-ปิเอโร่ โซเรน เอล เพโทรน -
บ้าชะมัด!!!
ผมสบถ
ทันทีที่เจ้าตัวตลกพันหน้านั่นวิ่งหายเข้าไป ผมก็พบกับตัวตลกที่สวมหน้ากากโจ๊กเกอร์เต็มไปหมดรอบตัว
นี่ แกเป็นอะมีบารึไงฟะ? แยกร่างได้ด้วย แถมแต่ละตัวยังหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ ขณะที่ผมกำลังคิดจะใช้เข็มฉีดยาฟาดเรียงตัวนั้น
ผมก็เพิ่งสำนึกได้ว่า…..
แล้วเข็มฉีดยาตูหายไปไหนฟะ…
“ฮะๆๆ ~ หานี่อยู่งั้นเหรอครับ? “ ทันใดนั้นเจ้าของผมสีซอสมะเขือเทศเข้มข้น75 % ผสมน้ำตาล15 % น้ำส้มสายชูกลั่น 6 % น้ำ 12%
และเกลือบริโภคเสริมไอโอดีน 2.8% ก็โผล่มาพร้อมกับเสียงเราะสดใส แล้วโบกแท่งสีขาวใสคล้ายหมอนข้างรูปเข็มฉีดยาไปมาด้านหลังผม
“ฮ..เฮ้ย! นายเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”ผมหันหลังกลับไปคว้าอาวุธของตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ทว่าตัวตลกผู้มีสีผมซอสมะเขือเทศฯ(ย่อ)
กลับกระโดดหายไปในเงามืดทำให้ผมคว้าได้แต่อากาศ
บัดซบ! อาวุธก็ไม่มี แถมหมอนี่ยังแยกร่าง แล้วก็วาร์ปหนีได้อีก ผมจะหาเจอได้ยังไง
“ถ้าอยากได้คืน ก็รีบจับผมให้ได้สิครับ หึๆๆๆ~” เสียงของเขาดังมาจากในเงามืดที่ไม่ทราบทิศทางแน่ชัด ชวนให้คนฟังสับสน
ประหนึ่งเล่นซ่อนแอบกับเบะม่วงในเกม Ao Oni ที่อาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้
เอ..แต่ไม่สิ เบะม่วงเวลาโผล่มามันจะมีBGMหลอนประจำตัวที่ชวนให้คนฟังขนลุกขนพอง นี่นา พองั้นเวลาเบะม่วงมาใกล้ๆก็จะรู้ตัวได้ทันที
แต่เจ้าหัวมะเขือเทศนี่ไม่เหมือนกันเพราะผลุบโผล่ๆแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง อ่า..ถึงผมจะแอบไปเปลี่ยนBGMเบะม่วงมันให้เป็นเพลงยาราไนก้าแทนก็เถอะ
แต่ดูเหมือนมันจะหลอนกว่าเดิม สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนเป็นเพลงโดเรม่อนทำให้เวลาเบะม่วงโผล่มาทีผมกลับไม่หลอนแต่ผมหัวเราะตกเก้าอี้แทน
เดี๋ยวๆๆๆ! ถึงไหนแล้วเนี่ย
ผมตบหัวตัวเองเบาๆ ไม่ใช่สิ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเบะม่วงเลย ผมต้องตามหาปิเอโร่หัวซอสมะเขือเทศเข้มข้น75 % ผสมน้ำตาล15 % น้ำส้มสายชูกลั่น 6 % น้ำ 12%
และ เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน 2.8% นั่นต่อแล้ว!
แต่ซอสมะเขือเทศ75 %นั่นพอที่จะบรรยายสีผมของหมอนั่นได้รึเปล่าน้า..เพราะสีของซอสมะเขือเทศค่อนข้างหม่นๆ ส่วนสีผมของตัวตลกนั่นเป็นสีแดงแสบตา
เพราะฉะนั้นซอสมะเขือเทศต้องผสมพริกกับแครอทไปด้วยถึงจะถูก แต่จะผสมเท่าไหร่ดีล่ะถึงจะได้สีแบบนั้นละเนี่ย ผสมแล้วมันจะอร่อยเหรอ
อืม..งั้นต้องใช้แครอทสับ 500 กรัม กับ…
โว้ย! เดี๋ยวสิ ตอนนี้ผมต้องไปตามหาปิเอโร่ไม่ใช่เหรอ!
ผมตบหัวตัวเองอีกรอบ ช่างหัวซอสมะเขือเทศไปเหอะ เอาเป็นว่าเรียกตัวตลกนั่นย่อๆว่า’หัวมะเขือเทศ’ก็แล้วกัน
รู้สึกตั้งแต่มาที่นี่ความคิดผมจะไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย คงไม่เกี่ยวกับคำสาปหรอกนะ คำสาปผมเป็นคำสาปขี้เกียจ ไม่ใช่คำสาปพูดมากคิดมากซะหน่อย!
ในขณะที่ผมกำลังคิดมั่วซั่วอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าคอเสื้อผมเอาไว้
“จับตัวได้แล้วละครับ คุณปิเอโร่”อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม”ผมชนะแล้วนะครับ”
ห...หา....
ผมติดสตั้นด์ไปซักพัก ..
พอผมจับใจความประโยคนั้นได้ผมก็ตวาดกลับไปทันที”ใครเป็นตัวตลกหัวมะเขือเทศนั่นไม่ทราบ! ฉันหน้าตาเหมือนตัวตลกนั่นนักรึไงหา”
ทันทีที่ผมตวาดเสร็จ เขากับผมก็ชะงัก
ผมเพิ่งสังเกตุหน้าเขาดีๆ เขามีผิวสองสี สวมแว่นทึบขนาดใหญ่ปิดครึ่งหน้าไว้จนไม่เห็นแม้แต่ดวงตา ดูแล้วเหมือนพวกหนอนหนังสือที่ชอบใส่แว่นหน้าเตอะในการ์ตูนญีปุ่น
ผมสีดำชี้ฟูเหมือนหางเป็ด น่าจับไปย่างกิน
ผมจำได้แล้ว! เขาคือคนที่ลงแข่งเหมือนผม รู้สึกจะชื่อ..อะไรน้า..เฟรน? เฟรน เชอรี่มั้ง?
.
“คุณ…? ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา แปลกจัง..ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย”เขาพึมพัมด้วยความสงสัย
เอ่อ.. นายสายตาสั้นขนาดไหนเนี่ย ผมสีน้ำเงินเหมือนน้ำหวานบลูฮาวายเข้มข้น70% ผสมน้ำ30%แบบฉันไม่น่าจะมองเห็นผิดเป็นหัวสีมะเขือเทศแบบปิเอโร่ได้หรอกนะ
อ่ะ จริงด้วย..”ถ้าจำไม่ผิด เจ้าปิเอโร่นั่นสร้างภาพลวงตา ให้คนอื่นเห็นทุกอย่างเป็นตัวเองได้นี่นา….”ผมบอกสันนิษฐานของผมไป
“อ่ะ! จริงด้วยสินะครับ”อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย
อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนมีเหตุผลดี ไม่เอะอะพุ่งเข้าชน บางทีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรซักเท่าไหร่ ผมนึกว่าจะมีแต่พวกอารมณ์ร้อนเอะอะก็ตีกันซะอีก
บางทีน่าจะพอแท็คทีมกันได้ละมั้ง… ?
ผมจึงตัดสินใจแนะนำตัวและชวนเขา“ฉัน ฮาจิเซ็น เรย์คุ เรียกว่าเรย์เฉยๆก็ได้ เป็นผู้เข้าแข่งขันน่ะ ถ้าไม่รังเกียจมาช่วยกันทำเควสนี้ด้วยกันมั้ย”
พอผมพูดจบก็ยืนมือออกไปให้อีกฝ่ายจับตามมารยาทตะวันตก
“อ่า..ผม เฟรน เซอร์เรย์ครับ ขอโทษที่เข้าใจผิดไปเมื่อกี้”เขายิ้มบางๆด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมามาจับมือผม
แล้วผมก็เพิ่งเข้าใจว่าผมจำชื่อเขาผิด ไม่ใช่เฟรน เชอรี่แต่เป็นเฟรน เซอร์เรย์ต่างหาก ”ถ้าเกิดว่าไม่รบกวนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”
เยส! เท่านี้ก็ได้เพื่อนร่วมทางมา 1 คน เอ่อ..ถึงสุดท้ายเขากับผมก็ต้องแย่งกันไล่จับปิเอโร่อยู่ดีอ่ะนะ
ช่างมันเถอะ! คน 2หัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเกาะกลุ่มกับผู้เข้าแข่งขันกันไว้ก็จะไม่ต้องสับสนนว่าคนอื่นเป็นปิเอโร่อีก
คอยดู! ฉันจะจับนายแล้วเอาสเปรย์ชื่ออุบาทว์นั่นมาถอนคำสาปให้ได้เลยปิเอโร่!!
----------To be Continue-----------
แก้ไขล่าสุดโดย gizzza เมื่อ Fri Apr 27, 2012 9:17 pm, ทั้งหมด 6 ครั้ง
Zetsubou Semi- จำนวนข้อความ : 74
Join date : 25/04/2012
Age : 27
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
ลงขอรับ!!! //อ่านรายละเอียดจบ//
[เฟรนด์: ...กระผมว่ากระผมจับท่านปิเอโร่ โอ่~ โอ่~ โอ่~ โอ้~ ไม่ได้หรอกขอรับ..= =;; //เก่งจริงๆ]
---------------------------------------------------------------------------------------------
“ฉัน ฮาจิเซ็น เรย์คุ เรียกว่าเรย์เฉยๆก็ได้ เป็นผู้เข้าแข่งขันน่ะ ถ้าไม่รังเกียจมาช่วยกันทำเควสนี้ด้วยกันมั้ย”
ประโยคข้างต้นนั้นเป็นคำพูดของเพื่อนร่วมทางในการทำเควสคนแรกของผม คุณฮาจิเซ็น เรย์คุ ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินซอยสั้น เขาแต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกเนคไทค์สีแดง และสวมกางเกงขายาวสีดำสนิท
ถึงปัจจุบันผมจะได้เพื่อนร่วมทางมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันแล้ว แต่ถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริงล่ะก็ ผมคงต้องบอกว่า... ตอนนี้ผมยังคงมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะไปตามหาคุณปิเอโร่ตัวจริงได้ที่ไหน
ผมกับคุณเรย์คุเดินแยกกันค้นหาวนกันอยู่บริเวณห้องพักผู้เข้าแข่งขันมาได้สักพักแล้ว... แต่ก็ยังไม่เจออะไรที่ชี้ให้เห็นถึง
ล่องรอยของคุณปิเอโร่ตัวจริงเลยสักอย่างเดียว...
“โว้ย!!! เมื่อไหร่จะเจอเจ้าหัวมะเขือเทศนั่นสักทีล่ะหา!?” คุณเรย์คุตะโกนออกมาด้วยความโมโห ก่อนที่จะแกว่งหมัดต่อยเข้าไปหาร่างคุณปิเอโร่ที่อยู่ใกล้ที่สุด และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็คือ....
โพละ!
ร่าง(ปลอม)ของคุณปิเอโร่แตกกระจายเหมือนลูกโป่งที่โดนเจาะลม แล้วสลายหายไปในอากาศธาตุ...
...ก็ยังคงไม่ใช่อยู่ดีสินะ...
ผมเดินไปข้างหน้าต่อด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ... ก็คุณปิเอโร่เก่งขนาดนี้ แล้วจะให้พวกผมหาเขาเจอได้ยังไงกันล่ะครับ?
“นี่ๆ~ เชอร์รี่... ทำไมไม่ลองหาตามตู้หรือชั้นเก็บของบ้างล่ะนิว~” เสียงของเจ้าโมจิยักษ์ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวกระโดดดึ๋งๆมาขวางด้านหน้าของผมไว้ พร้อมกับพยายามพยักพเยิดหน้า(หรือตัว)ของมันไปทางตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มขนาดกลาง ที่
ตั้งอยู่ข้างๆฝาผนัง
ผมมองมันอย่างช่างใจครู่หนึ่ง...
“...ถ้าผมเปิดไป... จะเจออะไรงั้นเหรอครับ?” ผมส่งเสียงถามโมจิยักษ์เบาๆ ขณะเดินเข้าไปใกล้ๆตู้ไม้สีน้ำตาลข้างฝาผนัง แล้วเริ่มเอื้อมมือไปแตะลูกบิดไม้สีน้ำตาลอ่อนเบาๆ...
ปัง!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้สัมผัสถูกลูกบิดไม้ได้ดีเท่าไหร่นัก จู่ๆ บานเปิดของตู้ก็ถูกผลักออกจากด้านในอย่างแรงจนผมถอยหลังหลบแทบไม่ทัน...
เมื่อตู้ไม้ถูกเปิดออก ควันสีเทามากมายก็ไหลทะลักออกมาจนครอบคลุมพื้นที่รอบตัวของผมจนหมด ...พร้อมกับปรากฏเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนไหวด้วยความเร็วออกมาจากตู้ใบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ!?” เสียงคุณเรย์คุดังขึ้นจากห้องที่อยู่ถัดไปทางด้านข้าง พร้อมกับเสียงฝีเท้าของเขาที่กำลังวิ่งออกมาเพื่อสมทบกับผม
ผมปัดควันสีเทาที่พุ่งเข้าปะทะกับใบหน้าของผมออก และพยายามเพ่งมองหาเงาสีดำที่พึ่งเคลื่อนไหวผ่านไปเมื่อครู่ แต่ทัศนียภาพการมองเห็นโดยรวมในขณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก...
ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องต่างๆ เพื่อระบายควันให้กระจายไปบริเวณอื่นโดยมีเจ้านิวตินช่วยอีกแรง ...แล้วรอสักพักจนควันเริ่มจางลง ผมก็ได้มาสมทบกับคุณเรย์คุทางหน้าประตูห้องด้านซ้ายตู้ใบนั้นอีกครั้ง...
...ต่อจากนี้และตลอดไป ผมขอสาปแช่งควันทุกอย่างบนโลกใบนี้!!!...
“...ไปโดนอะไรมาน่ะ” คุณเรย์คุมองสภาพเลอะเทอะกระเซอะกระเซิงของผมด้วยท่าทางแปลกๆ... เหมือนกำลังมองตัวเชื้อโรคอย่างไงอย่างงั้น
“เอ่อ...ผมกับนิวตินเจอตู้ใบนั้นน่ะครับ” ผมชี้นิ้วไปทางตู้ไม้ที่อยู่ข้างฝาผนัง “ผมคิดว่าน่าจะมีบางอย่างอยู่ในนั้น”
ผมกับคุณเรยคุเดินเข้าไปสำรวจดูสิ่งที่อยู่ในตู้นั้นใกล้ๆ
ในตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มใบนั้น มีร่างปลอม(แน่ๆ)ของคุณปิเอโร่ ที่กำลังชูสองนิ้วพร้อมกับถือป้ายตัวอักษรสีขาวไว้ในมือ
“...”
ณ ขณะนี้ผมคงไม่สามารถบรรยายองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดของสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่โดยรอบได้ เพราะตอนนี้สายตาทั้งหมดของผมกำลังจดจ้องอยู่กับตัวอักษรสีแดงที่อยู่บนป้าย...
ตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า...
‘ช้าไปหน่อยนะครับ’
โครม!!!
“เฮ้ย! คุณกำลังจะทำอะไรน่ะครับ!!?” ผมตะโกนขึ้นเมื่อคุณเรย์คุยกเท้าขึ้นถีบร่างปลอมคุณปิเอโร่อย่างแรงจน...ตัวของเขาทะลุผ่านเข้าไปในตู้ใบนั้น...
“ว้ากกกกกกกกกกก!!!” เสียงของคุณเรย์คุที่หล่นลงไปในหลุมทางด้านหลังของตู้ไม้ดังก้องไปทั่วบริเวณนั้นก่อนจะค่อยๆเงียบหายไป...
“...ว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไร...” ผมพึมพำออกมาเบาๆขณะที่กำลังนวดขมับใช้ความคิดที่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
...เอาเถอะ ลองลงไปดูหน่อยคงไม่เสียหายล่ะมั้ง?
เมื่อคิดได้แล้วผมจึงพาร่างของตัวเองพร้อมกับสั่งให้นิวตินมุดเข้าไปในหลุมด้านหลังของตู้ที่ถูกเจาะในเชื่อมต่อเข้ากับผนัง
ก่อนที่จะรู้ว่า...
มันเป็นความคิดที่ผิดมหันต์...
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
-----------------------------------------------------
……..
……
….
…
.
ตุบ!
“โอ้ย...” ผมรู้สึกเหมือนกับร่างทั้งร่างกำลังแหลกสลาย...
ผมสะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความมึนงงจากการเล่นสไลเดอร์มหาประลัยที่มีช่วงเลี้ยวและหมุนหลายตลบ...สักสี่ห้ารอบได้
...ใครมันเป็นคนสร้างที่แบบนี้ขึ้นมาเนี่ย!!!... ผมกรีดร้องในใจอย่างคับแค้นก่อนจะเรียกสำรวจสถานที่โดยรอบ
ที่ที่ผมตกลงมานั้นมีลักษณะเป็นห้องสีขาวที่ดูเหมือนไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้ว บนฝาผนังทั้งสองข้างมีโคมฟ้าเก่าๆติดอยู่ทั้งสองฝั่ง ในนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องประดับมากมายนัก จะมีก็แค่โต๊ะกับเก้าอี้สองสามตัวเท่านั้น
…ทำไมผมรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูสมัยเด็กๆเลยล่ะเนี่ย?...
แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมารำลึกความหลัง ผมลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวตามหาคนอื่นๆที่ไม่รู้อยู่ตรงไหนกันบ้าง
“คุณเรย์คุครับ! นิวติน! อยู่ที่ไหนกันครับ!!!” ผมตะโกนเรียกหาคนอื่นๆถึงจะไม่ได้รับเสียงตอบรับก็ตาม...
ผมเดินไปตามทางเดินที่หาเจอเพียงทางเดียว พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อคนอื่นๆไปพลางเดินสำรวจไปพลาง
...จบเควสนี้ผมไม่เป็นโรคกล่องเสียงอักเสบก็ให้มันรู้ไป...
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปเรื่อยๆอย่างมีความสุขอยู่นั้น อยู่ดีๆทางข้างหน้าก็ปรากฏร่างของคุณปิเอโร่กำลังส่งยิ้มให้ผม ก็จะเดินหายเข้าไปในผนัง แล้วมาโผล่ทางผนังอีกด้านหนึ่ง...
...เฮ้ย อะไรกันอีกล่ะเนี่ย?... ผมขยี้ตาแรงๆสองทีก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง…
แล้ว...คุณปิเอโร่ที่อยู่ด้านหน้าผมก็หายตัวไปแล้ว...
ภาพลวงตาสินะ... ผมไม่สนใจแล้วเดินไปตามทางต่อเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับประตูไม้ลายคลาสสิคบานหนึ่งซึ่งมี...กลอนประตูสองด้าน?
ผมมองมันด้วยความฉงน ก่อนที่จะลองเลือกเปิดประตูทางใดทางหนึ่ง และด้านที่ผมเลือกก็คือ กลอนประตูทางด้านขวา
เมื่อผมเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่ได้พบก็คือ ทางเดินที่เหมือนกันกับทางเดินที่ผมเดินผ่านมาเมื่อครู่นี้ แต่คงจะแตกต่างกันหน่อยตรงลายที่ฝาผนังและทางเดินที่เป็นทางลาดชันเหมือนกำลังจะขึ้นภูเขาอย่างไงอย่างงั้น...
ผมปิดประตูกลับไปเหมือนเดิมก่อนจะเลือกหมุนกลอนประตูอีกด้านหนึ่งแทน...
ภายในของมันแตกต่างจากทางเดินที่อยู่ทางขวาอย่างสิ้นเชิง ทางเดินในประตูด้านซ้ายนี้มืดทึบ ลักษณะทางเดินเป็นแบบทางเดินในถ้ำเส้นทางส่วนใหญ่ประกอบจากดินและหิน แน่นอนมันไม่ค่อยมีแสงสว่างสักเท่าไหร่ด้วย
ผมปิดประตูเข้าอย่างเดิมแบบแทบไม่ต้องคิด ก่อนจะหมุนกลอนประตูทางด้านขวาอีกครั้ง เปิดออกแล้วเดินเข้าไปทันที...
...หวังว่าคงจะได้เจอใครสักทีนะ อยู่คนเดียวแบบนี้วังเวงชะมัด...
--------------------------------------------
......
เมื่อประตูทางด้านขวาปิดสนิท กลอนประตูทางด้านซ้ายกลับถูกหมุนลงเบาๆก่อนจะเปิดออกด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง ภายในนั้นปรากฏร่างของชายสวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ประดับรอยยิ้มสดใสนามว่า ปิเอโร่...
“น่าเสียดายจริงๆ อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ~...”
ตัวตลกสวมหน้ากากแย้มรอยยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่ร่างของเขาจะเลือนหายไปอีกครั้ง...
......
---------------------------------------------
โครม!
ผมออกแรงถีบผนังตันที่อยู่สุดทางเดินอย่างหัวเสีย ถึงจะเดินมาเรื่อยๆแล้วแต่สุดท้ายก็เจอแต่ทางตันอยู่ดี
“โว้ย!!! ให้มันได้อย่างนี่สิ ไอ้บ้าเอ๊ย...” ผมสบถออกมาเสียงดังก่อนจะเริ่มถีบผนังไปเป็นการแก้แค้น
โครม!
“มะ...ได้ยิน...ไร...บะ...เปล่า?” เสียงขาดห้วงดังขึ้นทางด้านหลังของฝาผนัง...
หืม?...เสียงใครกันล่ะนั้น?
ผมเอาหูตัวเองแนบเข้ากับผนังไว้เพื่อฟังเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ให้ชัดๆ
“ดูเหมือนจะมีเสียงมาจากผนังทางด้านนั้นนะ...” เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อืมๆ! งั้นเราไปดูกันดีกว่า!~ ”เสียงอีกเสียงตอบกลับอย่างร่าเริง
“นายหูฝาดไปเองหรือเปล่า ฉันไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย” เสียงห้วนๆตอบกลับ
...เสียงมันฟังดู...คุ้นๆหรือเปล่า?
แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้แล้วว่า มีคนอื่นอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของฝาผนังนี่ อาจจะเป็นผู้ร่วมเควสคนอื่นๆหรือว่าคุณเรย์คุก็ได้ เสียงที่สามฟังดูคล้ายๆอยู่นะ... และทางเดียวที่ผมจะได้ไปสมทบกับพวกเขาคงมีแต่ต้องพังผนังงี่เง่านี่ไปเท่านั้น
เมื่อตัดสินใจเรียบร้อยผมก็รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่เท้า แล้วออกแรงถีบผนังนั้นเต็มแรง!
โครม!!!
ผนังปูนด้านหน้าของผมถูกทำลายไปอย่างสวยงาม ก่อนที่จะได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“นั่นไง!!! มีจริงๆด้วยล่ะไฟร์!!!” เสียงร่าเริงร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ
“ข้าเห็นแล้ว” อีกคนหนึ่งตอบกลับมาอย่างเรียบๆ
อ้อ...ที่แท้ก็คุณเครมิส ดิมอส กับ คุณไฟร์ ห้อง13 นี่เอง...
เมื่อฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่วเริ่มหายไปผมจึงได้สังเกตผู้คนที่อยู่ที่นี่ชัดๆ ซึ่งก็มีคุณเครมิส ดิมอส กับ คุณไฟร์ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น และก็มีคุณเรย์คุกับคุณKเบย์ อ้อ...แล้วก็มีนิวตินด้วย
“ชะ...เชอร์รี่นิววว~~~~” เจ้าโมจิยักษ์ที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลอาบแก้ม(หรือตัว)ทั้งสองข้างอยู่ กระโดดเข้าชนผมอย่างแรงจนแทบกระอัก ตอนนี้ผมไม่อยากจะประทุสร้ายใครมากนักจึงทำแค่กอดมันไว้แน่นๆ(มาก)เท่านั้น
“เอ่อ...สวัสดีนะครับทุกคน” ผมฉีกยิ้มบางๆตามนิสัยพร้อมเอ่ยทักทาย
“สวัสดีฮะ!”...คุณเครมิสยิ้มให้ผมก็จะหันไปพูดคุยกับกุญแจของตนเอง “นี่ไฟร์! เราได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกแล้วล่ะ”
“...เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่ากำลังแข่งกับพวกเขาอยู่น่ะ” คุณไฟร์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ พร้อมยกมือขึ้นกุมขมับ
“ไฟร์พูดอะไรน่ะ? เราไม่ได้แข่งกันอยู่สักหน่อย กำลังตามหาปิเอโร่ต่างหาก”
“...”
ผมมองทั้งสองคุยกับอย่างเข้าอกเข้าใจ(?)อยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มหันไปคุยกับคุณเรย์คุบ้าง
“คุณเรย์คุครับ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?” ผมถามออกไป
“เหอๆ... หลังจากที่ฉันตกลงไปในหลุมบ้าบอคอแตกนั้นแล้ว สุดท้ายก็ไปโผล่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่จู่ๆฉันก็ไปเจอกับเจ้าKเบย์กับโมจิยักษ์นั่นโดยบังเอิญแล้วก็มาด้วยกันนี่แหละ” คุณเรย์คุชี้ไปที่Kเบย์กับนิวติน
“เอ่อ...แล้วคุณเรย์คุมาเจอกับพวกคุณเครมิสได้ยังไงล่ะครับ”
คุณเรยคุมีสีหน้าผวาขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินคำถามของผม ก่อนจะเริ่มเล่าต่อพร้อมกับราดน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนตัวของตนเอง
“ก็หลังจากเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคและแบดทีเรียนั่นเรื่อยๆ” ...เมื่อเล่าถึงตรงนี้คุณเรย์คุทำหน้าสยดสยองสุดฤทธิ์... “อยู่ดีๆไอ้Kเบย์โรคจิตนี่ก็เผลอไปสะกิดโดนปุ่มบ้าอะไรก็ไม่รู้จนฉันโดนดูดเข้าไปในช่องระบายอากาศ!! ”
...ถ้าคิดในแง่ดี อย่างน้อยคุณก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยนะครับ...
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าในช่องระบายอากาศนั่นมันสกปรกขนาดไหน! ไม่เคยคิดจะทำความสะอาดกันเลยเหรอหา!? กลิ่มเหม็นจนแทบสลบ! ให้ตายเถอะ แถมไอ้หัวซอสมะเขือเทศหน้ากากผีนั้น ถูกดีๆก็เปิดช่องระบายอากาศมาจ๊ะเอ๋กันซะงั้น โอ้ยย...ฉันจะบ้าตาย!!!” ท่าทางทึ้งหัวตัวเองของคุณเรย์คุ ดูเหมือนกำลังจะเป็นบ้าจริงๆด้วย...
ผมควรดีใจที่เจอคนที่ซวยกว่าดีหรือเปล่านะ? หรือว่าควรแสดงความเสียใจกับเขาดี แต่รู้สึกว่าประเด็นที่ผมถามมันจะไม่ใช่อันนี้นะครับ...
“แล้วสุดท้าย...” หลังจากที่คุณเรย์คุสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาก็เริ่มเล่าต่อ “ฉันก็หลุดออกมาจากช่องระบายอากาศนั่นได้ จนมาเจอกับมังกรเครมิสนั่นใน...” คุณเรย์คุลากเสียงยาว จนทำให้ผมเผลอลุ้นนิดๆเหมือนกำลังฟังนิทานก่อนนอน...
แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้น...
“ส้วม”
“...”
คำพูดอย่างเต็มปากเต็มคำของคุณเรย์คุทำให้ผมรู้สึกพูดไม่ออกไปสักพักหนึ่ง
“ว้ากกก!!! ไอ้Kเบย์!! วันนี้แกตายแน่!!!” คุณเรย์คุสติแตกอีกครั้งก่อนจะเริ่มไล่กระทืบคุณKเบย์อย่างเมามัน(?) โดยมีคุณKเบย์คอยกรีดร้องอย่างมีความสุขเป็นซาวด์ประกอบ...
...ศึกนี้ใหญ่หลวงนักสำหรับคุณครับคุณเรย์คุ... ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ก็แล้วกัน...
ในขณะที่ผมกำลังยืนรับชมฉากฆาตกรโหดตรงหน้าอยู่ คุณเครมิสกับคุณไฟร์ที่ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เข้ามาร่วมวงรับชมอยู่ข้างๆผม
“สวัสดีครับ ผมชื่อเฟรน เชอร์เรย์...เราน่าจะเคยเจอกันแล้วแถวๆห้องพักนะครับ” ผมหันไปคุยกับคุณไฟร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ใช่ ข้าพอจำได้อยู่... ข้าชื่อไฟร์ ส่วนที่อยู่ตรงนี้..”คุณไฟร์ผายมือจะแนะนำคุณเครมิสที่อยู่ข้างๆ... แต่กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้มังกรน้อยกำลังสนุกสนานกับการร่วมด้วยช่วยกันไล่ล่าฆาตกรรมคุณKเบย์กับคุณเรย์คุอยู่ทางด้านหน้า...
“…” ผมเริ่มสังเกตเห็นเส้นเลือดที่เริ่มปูดแถวๆขมับของคุณไฟร์ซะแล้วสิ... “เอาเป็นว่าเจ้าคนผมแดงๆที่อยู่ตรงนั้นน่ะชื่อว่าเครมิส... ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ...” คุณไฟร์พูดเสียงเรียบแล้วโค้งตัวลงน้อยๆ
ผมยิ้มบางๆให้ ก่อนจะโค้งตัวเป็นการตอบรับ...
“ยินดีเช่นกันครับ หวังว่าพวกเราจะรวมใจกันหาคุณปิเอโร่ให้เจอในเร็วๆนี้...”
----------To be Continue-----------
[เฟรนด์: ...กระผมว่ากระผมจับท่านปิเอโร่ โอ่~ โอ่~ โอ่~ โอ้~ ไม่ได้หรอกขอรับ..= =;; //เก่งจริงๆ]
---------------------------------------------------------------------------------------------
TURN 2
“ฉัน ฮาจิเซ็น เรย์คุ เรียกว่าเรย์เฉยๆก็ได้ เป็นผู้เข้าแข่งขันน่ะ ถ้าไม่รังเกียจมาช่วยกันทำเควสนี้ด้วยกันมั้ย”
ประโยคข้างต้นนั้นเป็นคำพูดของเพื่อนร่วมทางในการทำเควสคนแรกของผม คุณฮาจิเซ็น เรย์คุ ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินซอยสั้น เขาแต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกเนคไทค์สีแดง และสวมกางเกงขายาวสีดำสนิท
ถึงปัจจุบันผมจะได้เพื่อนร่วมทางมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันแล้ว แต่ถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริงล่ะก็ ผมคงต้องบอกว่า... ตอนนี้ผมยังคงมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะไปตามหาคุณปิเอโร่ตัวจริงได้ที่ไหน
ผมกับคุณเรย์คุเดินแยกกันค้นหาวนกันอยู่บริเวณห้องพักผู้เข้าแข่งขันมาได้สักพักแล้ว... แต่ก็ยังไม่เจออะไรที่ชี้ให้เห็นถึง
ล่องรอยของคุณปิเอโร่ตัวจริงเลยสักอย่างเดียว...
“โว้ย!!! เมื่อไหร่จะเจอเจ้าหัวมะเขือเทศนั่นสักทีล่ะหา!?” คุณเรย์คุตะโกนออกมาด้วยความโมโห ก่อนที่จะแกว่งหมัดต่อยเข้าไปหาร่างคุณปิเอโร่ที่อยู่ใกล้ที่สุด และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็คือ....
โพละ!
ร่าง(ปลอม)ของคุณปิเอโร่แตกกระจายเหมือนลูกโป่งที่โดนเจาะลม แล้วสลายหายไปในอากาศธาตุ...
...ก็ยังคงไม่ใช่อยู่ดีสินะ...
ผมเดินไปข้างหน้าต่อด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ... ก็คุณปิเอโร่เก่งขนาดนี้ แล้วจะให้พวกผมหาเขาเจอได้ยังไงกันล่ะครับ?
“นี่ๆ~ เชอร์รี่... ทำไมไม่ลองหาตามตู้หรือชั้นเก็บของบ้างล่ะนิว~” เสียงของเจ้าโมจิยักษ์ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวกระโดดดึ๋งๆมาขวางด้านหน้าของผมไว้ พร้อมกับพยายามพยักพเยิดหน้า(หรือตัว)ของมันไปทางตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มขนาดกลาง ที่
ตั้งอยู่ข้างๆฝาผนัง
ผมมองมันอย่างช่างใจครู่หนึ่ง...
“...ถ้าผมเปิดไป... จะเจออะไรงั้นเหรอครับ?” ผมส่งเสียงถามโมจิยักษ์เบาๆ ขณะเดินเข้าไปใกล้ๆตู้ไม้สีน้ำตาลข้างฝาผนัง แล้วเริ่มเอื้อมมือไปแตะลูกบิดไม้สีน้ำตาลอ่อนเบาๆ...
ปัง!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้สัมผัสถูกลูกบิดไม้ได้ดีเท่าไหร่นัก จู่ๆ บานเปิดของตู้ก็ถูกผลักออกจากด้านในอย่างแรงจนผมถอยหลังหลบแทบไม่ทัน...
เมื่อตู้ไม้ถูกเปิดออก ควันสีเทามากมายก็ไหลทะลักออกมาจนครอบคลุมพื้นที่รอบตัวของผมจนหมด ...พร้อมกับปรากฏเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนไหวด้วยความเร็วออกมาจากตู้ใบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ!?” เสียงคุณเรย์คุดังขึ้นจากห้องที่อยู่ถัดไปทางด้านข้าง พร้อมกับเสียงฝีเท้าของเขาที่กำลังวิ่งออกมาเพื่อสมทบกับผม
ผมปัดควันสีเทาที่พุ่งเข้าปะทะกับใบหน้าของผมออก และพยายามเพ่งมองหาเงาสีดำที่พึ่งเคลื่อนไหวผ่านไปเมื่อครู่ แต่ทัศนียภาพการมองเห็นโดยรวมในขณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก...
ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องต่างๆ เพื่อระบายควันให้กระจายไปบริเวณอื่นโดยมีเจ้านิวตินช่วยอีกแรง ...แล้วรอสักพักจนควันเริ่มจางลง ผมก็ได้มาสมทบกับคุณเรย์คุทางหน้าประตูห้องด้านซ้ายตู้ใบนั้นอีกครั้ง...
...ต่อจากนี้และตลอดไป ผมขอสาปแช่งควันทุกอย่างบนโลกใบนี้!!!...
“...ไปโดนอะไรมาน่ะ” คุณเรย์คุมองสภาพเลอะเทอะกระเซอะกระเซิงของผมด้วยท่าทางแปลกๆ... เหมือนกำลังมองตัวเชื้อโรคอย่างไงอย่างงั้น
“เอ่อ...ผมกับนิวตินเจอตู้ใบนั้นน่ะครับ” ผมชี้นิ้วไปทางตู้ไม้ที่อยู่ข้างฝาผนัง “ผมคิดว่าน่าจะมีบางอย่างอยู่ในนั้น”
ผมกับคุณเรยคุเดินเข้าไปสำรวจดูสิ่งที่อยู่ในตู้นั้นใกล้ๆ
ในตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มใบนั้น มีร่างปลอม(แน่ๆ)ของคุณปิเอโร่ ที่กำลังชูสองนิ้วพร้อมกับถือป้ายตัวอักษรสีขาวไว้ในมือ
“...”
ณ ขณะนี้ผมคงไม่สามารถบรรยายองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดของสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่โดยรอบได้ เพราะตอนนี้สายตาทั้งหมดของผมกำลังจดจ้องอยู่กับตัวอักษรสีแดงที่อยู่บนป้าย...
ตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า...
‘ช้าไปหน่อยนะครับ’
โครม!!!
“เฮ้ย! คุณกำลังจะทำอะไรน่ะครับ!!?” ผมตะโกนขึ้นเมื่อคุณเรย์คุยกเท้าขึ้นถีบร่างปลอมคุณปิเอโร่อย่างแรงจน...ตัวของเขาทะลุผ่านเข้าไปในตู้ใบนั้น...
“ว้ากกกกกกกกกกก!!!” เสียงของคุณเรย์คุที่หล่นลงไปในหลุมทางด้านหลังของตู้ไม้ดังก้องไปทั่วบริเวณนั้นก่อนจะค่อยๆเงียบหายไป...
“...ว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไร...” ผมพึมพำออกมาเบาๆขณะที่กำลังนวดขมับใช้ความคิดที่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
...เอาเถอะ ลองลงไปดูหน่อยคงไม่เสียหายล่ะมั้ง?
เมื่อคิดได้แล้วผมจึงพาร่างของตัวเองพร้อมกับสั่งให้นิวตินมุดเข้าไปในหลุมด้านหลังของตู้ที่ถูกเจาะในเชื่อมต่อเข้ากับผนัง
ก่อนที่จะรู้ว่า...
มันเป็นความคิดที่ผิดมหันต์...
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
-----------------------------------------------------
……..
……
….
…
.
ตุบ!
“โอ้ย...” ผมรู้สึกเหมือนกับร่างทั้งร่างกำลังแหลกสลาย...
ผมสะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความมึนงงจากการเล่นสไลเดอร์มหาประลัยที่มีช่วงเลี้ยวและหมุนหลายตลบ...สักสี่ห้ารอบได้
...ใครมันเป็นคนสร้างที่แบบนี้ขึ้นมาเนี่ย!!!... ผมกรีดร้องในใจอย่างคับแค้นก่อนจะเรียกสำรวจสถานที่โดยรอบ
ที่ที่ผมตกลงมานั้นมีลักษณะเป็นห้องสีขาวที่ดูเหมือนไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้ว บนฝาผนังทั้งสองข้างมีโคมฟ้าเก่าๆติดอยู่ทั้งสองฝั่ง ในนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องประดับมากมายนัก จะมีก็แค่โต๊ะกับเก้าอี้สองสามตัวเท่านั้น
…ทำไมผมรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูสมัยเด็กๆเลยล่ะเนี่ย?...
แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมารำลึกความหลัง ผมลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวตามหาคนอื่นๆที่ไม่รู้อยู่ตรงไหนกันบ้าง
“คุณเรย์คุครับ! นิวติน! อยู่ที่ไหนกันครับ!!!” ผมตะโกนเรียกหาคนอื่นๆถึงจะไม่ได้รับเสียงตอบรับก็ตาม...
ผมเดินไปตามทางเดินที่หาเจอเพียงทางเดียว พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อคนอื่นๆไปพลางเดินสำรวจไปพลาง
...จบเควสนี้ผมไม่เป็นโรคกล่องเสียงอักเสบก็ให้มันรู้ไป...
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปเรื่อยๆอย่างมีความสุขอยู่นั้น อยู่ดีๆทางข้างหน้าก็ปรากฏร่างของคุณปิเอโร่กำลังส่งยิ้มให้ผม ก็จะเดินหายเข้าไปในผนัง แล้วมาโผล่ทางผนังอีกด้านหนึ่ง...
...เฮ้ย อะไรกันอีกล่ะเนี่ย?... ผมขยี้ตาแรงๆสองทีก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง…
แล้ว...คุณปิเอโร่ที่อยู่ด้านหน้าผมก็หายตัวไปแล้ว...
ภาพลวงตาสินะ... ผมไม่สนใจแล้วเดินไปตามทางต่อเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับประตูไม้ลายคลาสสิคบานหนึ่งซึ่งมี...กลอนประตูสองด้าน?
ผมมองมันด้วยความฉงน ก่อนที่จะลองเลือกเปิดประตูทางใดทางหนึ่ง และด้านที่ผมเลือกก็คือ กลอนประตูทางด้านขวา
เมื่อผมเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่ได้พบก็คือ ทางเดินที่เหมือนกันกับทางเดินที่ผมเดินผ่านมาเมื่อครู่นี้ แต่คงจะแตกต่างกันหน่อยตรงลายที่ฝาผนังและทางเดินที่เป็นทางลาดชันเหมือนกำลังจะขึ้นภูเขาอย่างไงอย่างงั้น...
ผมปิดประตูกลับไปเหมือนเดิมก่อนจะเลือกหมุนกลอนประตูอีกด้านหนึ่งแทน...
ภายในของมันแตกต่างจากทางเดินที่อยู่ทางขวาอย่างสิ้นเชิง ทางเดินในประตูด้านซ้ายนี้มืดทึบ ลักษณะทางเดินเป็นแบบทางเดินในถ้ำเส้นทางส่วนใหญ่ประกอบจากดินและหิน แน่นอนมันไม่ค่อยมีแสงสว่างสักเท่าไหร่ด้วย
ผมปิดประตูเข้าอย่างเดิมแบบแทบไม่ต้องคิด ก่อนจะหมุนกลอนประตูทางด้านขวาอีกครั้ง เปิดออกแล้วเดินเข้าไปทันที...
...หวังว่าคงจะได้เจอใครสักทีนะ อยู่คนเดียวแบบนี้วังเวงชะมัด...
--------------------------------------------
......
เมื่อประตูทางด้านขวาปิดสนิท กลอนประตูทางด้านซ้ายกลับถูกหมุนลงเบาๆก่อนจะเปิดออกด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง ภายในนั้นปรากฏร่างของชายสวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ประดับรอยยิ้มสดใสนามว่า ปิเอโร่...
“น่าเสียดายจริงๆ อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ~...”
ตัวตลกสวมหน้ากากแย้มรอยยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่ร่างของเขาจะเลือนหายไปอีกครั้ง...
......
---------------------------------------------
โครม!
ผมออกแรงถีบผนังตันที่อยู่สุดทางเดินอย่างหัวเสีย ถึงจะเดินมาเรื่อยๆแล้วแต่สุดท้ายก็เจอแต่ทางตันอยู่ดี
“โว้ย!!! ให้มันได้อย่างนี่สิ ไอ้บ้าเอ๊ย...” ผมสบถออกมาเสียงดังก่อนจะเริ่มถีบผนังไปเป็นการแก้แค้น
โครม!
“มะ...ได้ยิน...ไร...บะ...เปล่า?” เสียงขาดห้วงดังขึ้นทางด้านหลังของฝาผนัง...
หืม?...เสียงใครกันล่ะนั้น?
ผมเอาหูตัวเองแนบเข้ากับผนังไว้เพื่อฟังเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ให้ชัดๆ
“ดูเหมือนจะมีเสียงมาจากผนังทางด้านนั้นนะ...” เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อืมๆ! งั้นเราไปดูกันดีกว่า!~ ”เสียงอีกเสียงตอบกลับอย่างร่าเริง
“นายหูฝาดไปเองหรือเปล่า ฉันไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย” เสียงห้วนๆตอบกลับ
...เสียงมันฟังดู...คุ้นๆหรือเปล่า?
แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้แล้วว่า มีคนอื่นอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของฝาผนังนี่ อาจจะเป็นผู้ร่วมเควสคนอื่นๆหรือว่าคุณเรย์คุก็ได้ เสียงที่สามฟังดูคล้ายๆอยู่นะ... และทางเดียวที่ผมจะได้ไปสมทบกับพวกเขาคงมีแต่ต้องพังผนังงี่เง่านี่ไปเท่านั้น
เมื่อตัดสินใจเรียบร้อยผมก็รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่เท้า แล้วออกแรงถีบผนังนั้นเต็มแรง!
โครม!!!
ผนังปูนด้านหน้าของผมถูกทำลายไปอย่างสวยงาม ก่อนที่จะได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“นั่นไง!!! มีจริงๆด้วยล่ะไฟร์!!!” เสียงร่าเริงร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ
“ข้าเห็นแล้ว” อีกคนหนึ่งตอบกลับมาอย่างเรียบๆ
อ้อ...ที่แท้ก็คุณเครมิส ดิมอส กับ คุณไฟร์ ห้อง13 นี่เอง...
เมื่อฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่วเริ่มหายไปผมจึงได้สังเกตผู้คนที่อยู่ที่นี่ชัดๆ ซึ่งก็มีคุณเครมิส ดิมอส กับ คุณไฟร์ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น และก็มีคุณเรย์คุกับคุณKเบย์ อ้อ...แล้วก็มีนิวตินด้วย
“ชะ...เชอร์รี่นิววว~~~~” เจ้าโมจิยักษ์ที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลอาบแก้ม(หรือตัว)ทั้งสองข้างอยู่ กระโดดเข้าชนผมอย่างแรงจนแทบกระอัก ตอนนี้ผมไม่อยากจะประทุสร้ายใครมากนักจึงทำแค่กอดมันไว้แน่นๆ(มาก)เท่านั้น
“เอ่อ...สวัสดีนะครับทุกคน” ผมฉีกยิ้มบางๆตามนิสัยพร้อมเอ่ยทักทาย
“สวัสดีฮะ!”...คุณเครมิสยิ้มให้ผมก็จะหันไปพูดคุยกับกุญแจของตนเอง “นี่ไฟร์! เราได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มอีกแล้วล่ะ”
“...เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่ากำลังแข่งกับพวกเขาอยู่น่ะ” คุณไฟร์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ พร้อมยกมือขึ้นกุมขมับ
“ไฟร์พูดอะไรน่ะ? เราไม่ได้แข่งกันอยู่สักหน่อย กำลังตามหาปิเอโร่ต่างหาก”
“...”
ผมมองทั้งสองคุยกับอย่างเข้าอกเข้าใจ(?)อยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มหันไปคุยกับคุณเรย์คุบ้าง
“คุณเรย์คุครับ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?” ผมถามออกไป
“เหอๆ... หลังจากที่ฉันตกลงไปในหลุมบ้าบอคอแตกนั้นแล้ว สุดท้ายก็ไปโผล่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่จู่ๆฉันก็ไปเจอกับเจ้าKเบย์กับโมจิยักษ์นั่นโดยบังเอิญแล้วก็มาด้วยกันนี่แหละ” คุณเรย์คุชี้ไปที่Kเบย์กับนิวติน
“เอ่อ...แล้วคุณเรย์คุมาเจอกับพวกคุณเครมิสได้ยังไงล่ะครับ”
คุณเรยคุมีสีหน้าผวาขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินคำถามของผม ก่อนจะเริ่มเล่าต่อพร้อมกับราดน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนตัวของตนเอง
“ก็หลังจากเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคและแบดทีเรียนั่นเรื่อยๆ” ...เมื่อเล่าถึงตรงนี้คุณเรย์คุทำหน้าสยดสยองสุดฤทธิ์... “อยู่ดีๆไอ้Kเบย์โรคจิตนี่ก็เผลอไปสะกิดโดนปุ่มบ้าอะไรก็ไม่รู้จนฉันโดนดูดเข้าไปในช่องระบายอากาศ!! ”
...ถ้าคิดในแง่ดี อย่างน้อยคุณก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยนะครับ...
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าในช่องระบายอากาศนั่นมันสกปรกขนาดไหน! ไม่เคยคิดจะทำความสะอาดกันเลยเหรอหา!? กลิ่มเหม็นจนแทบสลบ! ให้ตายเถอะ แถมไอ้หัวซอสมะเขือเทศหน้ากากผีนั้น ถูกดีๆก็เปิดช่องระบายอากาศมาจ๊ะเอ๋กันซะงั้น โอ้ยย...ฉันจะบ้าตาย!!!” ท่าทางทึ้งหัวตัวเองของคุณเรย์คุ ดูเหมือนกำลังจะเป็นบ้าจริงๆด้วย...
ผมควรดีใจที่เจอคนที่ซวยกว่าดีหรือเปล่านะ? หรือว่าควรแสดงความเสียใจกับเขาดี แต่รู้สึกว่าประเด็นที่ผมถามมันจะไม่ใช่อันนี้นะครับ...
“แล้วสุดท้าย...” หลังจากที่คุณเรย์คุสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาก็เริ่มเล่าต่อ “ฉันก็หลุดออกมาจากช่องระบายอากาศนั่นได้ จนมาเจอกับมังกรเครมิสนั่นใน...” คุณเรย์คุลากเสียงยาว จนทำให้ผมเผลอลุ้นนิดๆเหมือนกำลังฟังนิทานก่อนนอน...
แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้น...
“ส้วม”
“...”
คำพูดอย่างเต็มปากเต็มคำของคุณเรย์คุทำให้ผมรู้สึกพูดไม่ออกไปสักพักหนึ่ง
“ว้ากกก!!! ไอ้Kเบย์!! วันนี้แกตายแน่!!!” คุณเรย์คุสติแตกอีกครั้งก่อนจะเริ่มไล่กระทืบคุณKเบย์อย่างเมามัน(?) โดยมีคุณKเบย์คอยกรีดร้องอย่างมีความสุขเป็นซาวด์ประกอบ...
...ศึกนี้ใหญ่หลวงนักสำหรับคุณครับคุณเรย์คุ... ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ก็แล้วกัน...
ในขณะที่ผมกำลังยืนรับชมฉากฆาตกรโหดตรงหน้าอยู่ คุณเครมิสกับคุณไฟร์ที่ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เข้ามาร่วมวงรับชมอยู่ข้างๆผม
“สวัสดีครับ ผมชื่อเฟรน เชอร์เรย์...เราน่าจะเคยเจอกันแล้วแถวๆห้องพักนะครับ” ผมหันไปคุยกับคุณไฟร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ใช่ ข้าพอจำได้อยู่... ข้าชื่อไฟร์ ส่วนที่อยู่ตรงนี้..”คุณไฟร์ผายมือจะแนะนำคุณเครมิสที่อยู่ข้างๆ... แต่กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้มังกรน้อยกำลังสนุกสนานกับการร่วมด้วยช่วยกันไล่ล่าฆาตกรรมคุณKเบย์กับคุณเรย์คุอยู่ทางด้านหน้า...
“…” ผมเริ่มสังเกตเห็นเส้นเลือดที่เริ่มปูดแถวๆขมับของคุณไฟร์ซะแล้วสิ... “เอาเป็นว่าเจ้าคนผมแดงๆที่อยู่ตรงนั้นน่ะชื่อว่าเครมิส... ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ...” คุณไฟร์พูดเสียงเรียบแล้วโค้งตัวลงน้อยๆ
ผมยิ้มบางๆให้ ก่อนจะโค้งตัวเป็นการตอบรับ...
“ยินดีเช่นกันครับ หวังว่าพวกเราจะรวมใจกันหาคุณปิเอโร่ให้เจอในเร็วๆนี้...”
----------To be Continue-----------
แก้ไขล่าสุดโดย parima28 เมื่อ Sat Apr 28, 2012 2:07 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
parima28- จำนวนข้อความ : 120
Join date : 25/04/2012
Age : 27
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
โอ้ๆ ขอตอบคุณปิเอโร่ ภาพนี้เหมาะมาก ไม่ประหลาดเลยสักนิด น่ารักที่สุดในบรรดา NPC กรรมการ >w<
ส่วนเรื่องลง...
ตกลง แพรลงอันนี้นะ อยากจับปิเอโร่ซัง >w<
ตัวเอียง คือ ความคิดในใจนะคะ
'.......' พวกเน้นคำหรือชื่อ
"......." พูดปกติ
เราตั้งไว้ที่ฟ้อนขนาด 20 cordia นะ หวังว่าจะไม่เล็กเกินไป (ถ้าเล็กไปก็กดซูมเอา)
บรรยากาศวุ่นวายภายใต้ห้องประหลาดซึ่งไม่รู้ว่าทางออกกลับสู่โลกความจริงคือทางไหน สีสันแสบตาที่ผู้สร้างจงใจป้ายกำแพงเป็นลายจนมั่วเสริมให้เส้นอารมณ์ของจิ้งจอกอัคคีขาดสะบั้นลงในเวลาไม่นานนัก
“พวกเจ้าจะเอาอย่างไรกันต่อ” เสียงเรียบนิ่งติดจะเย็นชาเล็กๆ ดังมาจากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงซอยสั้น นัยน์ตาสีแดงเลือดตวัดไปรอบๆ คล้ายกดดันพวกบ้าบางคนที่เอาแต่เล่นไม่รู้จักเวลา “เลิกเล่นกันได้แล้ว...หัดดูสถานการณ์ปัจจุบันกันเสียบ้าง”
ไฟร์ หนึ่งในกุญแจโดยมีเจ้าของนาม ‘เครมิส ดิมอส’ เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์เพื่อสะดวกในการช่วยกันตามจับปิเอโร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนหากไม่มาช่วยกันวิเคราะห์วางแผนเตรียมรับมือ เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาไม่มีทางตามจับตัวตลกจอมกวนได้แน่นอน
แม้เรย์คุจะเลิกเล่นไล่จับตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับ K เบย์แล้ว แต่ดูเหมือนยังมีอีกคนที่ยังไม่เลิก
“เราไม่ได้เล่นเฉยๆ สักหน่อย...” มังกรหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีทองเบ้ปากอย่างขัดใจ “เขาเรียกเกม ‘ไล่จับ’ ต่างหาก”
มันก็คือการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหมือนกันนั่นแหละ!
ไฟร์แทบอยากตรงเข้าไปอัดเจ้าบ้าบางคนหากไม่ติดว่าจะยิ่งเป็นการสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ร่างสูงหันไปถามเพื่อนร่วมการเดินทางเพื่อขอความเห็น “พวกเจ้าเจออะไรที่ผิดสังเกตกันบ้างไหม?”
เฟรนหรือชื่อเต็มๆ คือ ‘เฟรน เชอร์เรย์’ เป็นคนแรกที่พยักหน้า แล้วเมื่อเขาหันไปเห็นสายตาจากคนในกลุ่มพุ่งตรงมาก็เข้าใจความหมายเป็นสากลว่าให้อธิบายต่อ “ห้องลับนี้ค่อนข้างมีการเชื่อมต่อมิติที่ซับซ้อนคล้ายการสุ่ม แต่การสร้างของแบบนี้ขึ้นมามักจะต้องกำหนดจุดศูนย์กลางในการส่งคลื่นเวทมนตร์”
“อืม...เป็นเรื่องถนัดของเจ้านั่นเสียด้วย” ไฟร์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดเสริม “ต้องซ่อนไว้ลึกลับสุดๆ แหง”
“แค่หาแล้วทำลายทิ้งใช่ไหม?” เครมิสยิ้มร่าอย่างตื่นเต้น “เราชอบการจุดไฟที่สุด ขอเป็นคนเผาน้า~”
“เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะ” อีกหนึ่งบุรุษยกมือขึ้นห้ามแล้วยิ้มแหยๆ อย่างเขินอายเล็กๆ “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดสักนิดเดียว”
สายตาหลายคู่จากทั้งผู้เข้าแข่งขันและเหล่ากุญแจเบนมาทางเขาคล้ายแปลกใจในอะไรหลายๆ อย่าง อาจเพราะแต่ละคนล้วนมีทักษะด้านเวทมนตร์กันมาพอสมควร ไม่ต้องพูดถึงกุญแจทั้งหลายที่อายุมากพอจะจดจำข้อมูลนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นดังนั้น ‘ฮาจิเซ็น เรย์คุ’ ก็ยิ่งเผยสีหน้าเหยเกแล้วแอบคิดอย่างน้อยใจ
ขอโทษแล้วกันที่ฉันมันไม่ฉลาดเหมือนพวกนาย! กับอีแค่มีผมสีน้ำเงินเหมือนกางเกงนักเรียนชายหัวเกรียนไม่ได้ทำให้ฉันเป็นพวกเกรียนไม่มีสมองไร้สารุดูดบุหรี่ไปวันๆ นะเฟ้ย เอ...แต่สีกางเกงพวกนั้นแสบตาไปหน่อย อาจต้องผสมงาดำ น้ำตาล พริกไทย สารพัดของกลมกิ๊กกุ๊กกู๋ ปรุงรสอีกนิดจนออกมาเป็นสาววายพาวเวอร์คัพซี
เรย์คุชะงักไปชั่วครู่เหมือนเพิ่งนึกได้
เอิ่ม...กูคิดบ้าอะไรอีกแล้วฟระ!
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินทึ้งหัวตัวเองเพื่อไล่นิสัยจินาการเพ้อฝันหลุดโลกของตัวเองออกไปก่อนที่คนรอบข้างจะหาว่าเขาบ้าไปมากกว่านี้
“ขอโทษแล้วกัน” เรย์คุเกาหัวอย่างเก้อๆ “นายพูดต่อเถอะ”
เฟรนยิ้มแห้งๆ เหมือนปรับอารมณ์ไม่ถูก เขาไม่ค่อยคุ้นเคยการรับมือคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ เท่าไหร่ แล้วยิ่งคราวนี้ต้องมาร่วมมือร่วมใจกันทำภารกิจทั้งๆ ที่หลังจากนี้อาจต้องเป็นศัตรูกัน
นั่นสินะ...พวกเราจำเป็นต้องสู้กันอยู่ดี
เขาคิดด้วยความรู้สึกกังวลเล็กๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติแล้วพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ดังนั้นผมคิดว่าหากพวกเราทำลายศูนย์กลางที่ว่าก็จะทำให้ห้องกลับเป็นปกติ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับปิเอโรวิล่า?” เครมิสเอียงคอฉงนด้วยความไม่เข้าใจ แม้เขาจะเล่นสนุกบ้าบอไปวันๆ แต่ความจำก็ไม่ได้สั้นจัดจนลืมว่าภารกิจที่ได้รับมาคือ ‘การตามจับปิเอโร่’ ต่างหาก “เราต้องเล่นเกม ‘ไล่จับ’ ไม่ใช่เหรอ?”
เฟรนกระพริบตาปริบๆ เหมือนพยายามไต่ตรองข้อมูลที่ได้รับมา “ปิเอโรวิล่า?”
“เจ้างี่เง่านี่ติดนิสัยชอบเรียกชื่อคนผิดๆ” ไฟร์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วโบกมือเหมือนให้พูดต่อ “อย่าใส่ใจนักเลย พูดต่อไปเถอะ”
“หากห้องกลับเป็นปกติแล้วคิดว่าน่าจะหาตัวคุณปิเอโร่ได้ง่ายขึ้น...” เฟรนอธิบายเหตุผลก่อนจะชี้ไปให้สมาชิกในกลุ่มหันไปมองรอบๆ“ถ้ายังช้าอยู่พวกเราอาจติดอยู่ในนี้ก็เป็นได้ครับ”
ห้องซึ่งวกไปวนมาหลากสีตั้งแต่ฟ้า แดง เหลือง เขียวไปจนถึงน้ำตาลแก่เหมือนคาราเมลไหม้ไฟ ลวดลายตารางหมากรุกเอย ดอกกุหลาบยั้วเยี้ย ไพ่คิง แหม่ม แจ็ก โพธิ์ดำแดงบลาๆ จนตาลายไปหมด แถมด้วยประตูที่มีอยู่ทั่วไม่ว่าจะซ้าย ขวา หน้า หลัง
แม้แต่พื้นหรือเพดานก็ยังมี!
หากมันจบง่ายๆ เพียงแค่นั้นคงไม่ได้ชื่อว่า ‘ห้องลับของปิเอโร่’ มาหรอกถูกไหม ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาอาจยังไม่ทันได้พบเจออันตรายใหญ่หลวงนอกจากการเดินวนไปวนมาให้ขาลาก ทว่าอย่าลืมสิว่า ‘ห้องลับ’ มักมีบางสิ่งบางอย่างที่คนสามัญเรียกว่า ‘กับดัก’
และ ‘กับดัก’ ที่ว่าก็เหมือนจะ ‘เริ่ม’ ออกฤทธิ์เดชให้ปวดหัวเป็นสามเท่า!
“อันนี้ข้าทราบดี...” ไฟร์เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แปลกใจอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้ามึนๆ ของหลายๆ คนรวมไปถึงเครมิสก็ทำให้เขาอดพูดข่มไม่ได้ “หรือพวกเจ้าไม่รู้ว่าห้องนี้มันเปลี่ยนรูปร่างได้?”
ถูกต้อง...นอกจากลวดลายสุดประหลาดชวนเวียนหัวที่หลอนประสาทได้เมื่อลองมองไปรอบๆ เวลาเดินแล้วนั้น ยังมีจุดพิเศษน่ากลุ้มใจอีกคือ ‘มันเปลี่ยนรูปร่างเองได้!’ แม้จะฟังดูไม่ร้ายแรงเหมือนเขาวงกตที่มีสัตว์ประหลาดคอยปกป้องสมบัติ แต่ถ้าพื้นที่ยืนอยู่หรือกำแพงรอบด้านสามารถขยับเขยื้อนได้...
จะรู้ได้อย่างไรว่าที่เดินอยู่นั้นไม่ได้เดินอยู่กับที่!
“โอ้โห ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นความลับแล้วสินะ” เสียงสุดกวนเบื้องล่างชวนหาเรื่องดังมาจากเพดานซึ่งมีประตูเปิดอยู่พร้อมหมวกตัวตลกสีแดงห้อยต่องแต่งลงมาตามแรงโน้มถ่วง “หึๆๆ แต่ถ้าไม่รีบจนผมเบื่อเสียก่อน...คงรู้นะว่าจะเป็นอย่างไร”
ทุกคนหันไปทางต้นเสียงเป็นตาเดียวแต่มีเครมิสคนหนึ่งที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ปิเอโรมุเน่นี่นา!”
“เหวอ!” ปิเอโร่ลื่นไถลเกือบจับขอบช่องลับไม่อยู่จนหล่นลงมา หน้ากากหลุดร่วงตกลงบนพื้นสีแดงสดลายตุ๊กแก อาจเพราะการถูกเรียกด้วยชื่อประหลาดๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็เป็นได้ เขาทำท่าพยายามปกปิดใบหน้าของตนแล้วร้องดังลั่น “หน้าของผม...หน้าของผม!”
“ปิเอโร่!” ไฟร์เผยสีหน้าร้อนรนขึ้นทันทีเพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยเป็นกุญแจของคนๆ นี้มาก่อน “เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
“ตะ...ตาของผม...” เจ้าของเรือนผมสีมะเขือเทศส่ายไปส่ายมาด้วยความเจ็บปวดแล้วร้องลั่น “อ้ากกก!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดี ถึงไฟร์จะเบื่อนิสัยขี้แกล้งและเอาแต่ใจของปิเอโร่ แต่เขาก็ทนดูคนรู้จักเป็นอะไรตายตรงหน้าไม่ได้
ชายหนุ่มรีบกระโดดขึ้นไปเพื่อจะช่วยดูอาการ ทว่าเมื่อมือสัมผัสร่างนั้น...
ปุ๋ง! เกิดควันขึ้นบางๆ ก่อนร่างตัวตลกกวนโอ๊ยจะแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นกระดาษเขียนว่า ‘หลอกเล่นจ้า’
“ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าไฟร์รี่จะหลงกลง่ายๆ แบบนี้นะเนี่ย” เสียงปิเอโร่จอมกวนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้มองไม่เห็นตัว
“ลืมแล้วเหรอว่าหน้ากากผมใส่เป็นงานอดิเรกต่างหาก ไม่ใช่เพราะปิดบังอะไรสักหน่อย”
ไฟร์ถึงกับแข็งค้างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทั้งร่างสั่นด้วยความโมโหเหมือนพยายามอดกลั้นเอาไว้ แม้แต่เครมิสซึ่งอยู่ข้างๆ ยังไม่กล้าพูดก่อกวนเหมือนเคย
“โอ๋ๆ ไฟร์รี่อย่าเพิ่งน้อยใจไป” ปิเอโร่โผล่มาทำสีหน้าอ่อนโยนเหมือนปลอบเด็ก “จับให้ได้แล้วเดี๋ยวมีรางวัลเพิ่มเป็นอมยิ้มนะ”
“อย่าแกล้งไฟราเวโนยู่นะ!” เครมิสกระโจนเข้าใส่ปิเอโร่ซึ่งย้ายร่างไปยืนอยู่ด้านหลังไฟร์ แต่เมื่อแตะตัวเพียงเล็กน้อยคนตรงหน้าก็หายตัวไปอีก เขาทำตาปริบๆ เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “ที่แท้ปิเอริเวซูย่าเป็นตัวประหลาดไอน้ำแน่ๆ เลย!”
มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าบ้า/ครับ เรย์คุ ไฟร์ และเฟรนเกิดคิดตรงกันขึ้นมาเฉยๆ
“ว้าๆ เรียกชื่อผมแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ตัวตลกจอมกวนทำหน้ามุ่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ K เบย์ “เนอะๆ Kจัง ผมพูดถูกใช่ไหม”
“อยู่ตรงนั้นเองเรอะ!” เรย์คุชิงใช้โอกาสนี้ยิงเวทน้ำหลายสายอย่างต่อเนื่อง สายน้ำสีฟ้าใสพวยพุ่งเหมือนลูกธนูติดโซ่ หากพลาดเพียงเล็กน้อยอาจโดนแทงจนบาดเจ็บไม่ก็สะดุดสายโซ่น้ำจนล้มหัวฟาดพื้น เขาพยายามตัดช่องทางหลีกหนีด้วยการใช้เวทที่กินพื้นที่กว้าง
ความจริงเรย์คุไม่ถนัดการใช้เวทสักเท่าไหร่ แม้จะได้รับพลังจากกุญแจแห่งน้ำแต่ก็มักหยิบมาใช้ควบคู่ไปกับอาวุธมากกว่า ที่สามารถงัดไม้ตายออกมาได้ขนาดนี้อาจเพราะปฏิกิริยาเลือดวิ่งแล่นไปกระจุกบริเวณใบหน้า ความดันเพิ่มขึ้น 5% อาการคันไม้คันมือเริ่มเปลี่ยนเป็นคันเท้า
หรือรวมๆ เรียกว่า...ฟิวส์ขาด
แม้จะเป็นการจู่โจมแบบกะทันหันทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับกระโดดไปด้านหลังโดยใช้มือเพียงข้างเดียวในการสัมผัสพื้นเพื่อตีลังกาเว้นระยะห่าง เอี้ยวตัวหลบการโจมตีซ้ายขวาได้อย่างคล่องแคล่วทำให้สายน้ำเหล่านั้นดูเหมือนเป็นเพียงการเล่นสงกรานต์ของเด็กๆ รอยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าและปราศจากน้ำเหงื่อแห่งความวิตกคล้ายเป็นการเต้นแอโรบิกยามเช้าเสียมากกว่า
แม้ไม่แปลงร่างเป็นควัน...คนอย่างปิเอโร่ก็ยากจะต่อกรอยู่ดี!
“ย้าก!” เฟรนหยิบของในกระเป๋าถือคู่กายมาขว้างใส่เพราะไม่รู้จะโจมตีระยะไกลอย่างไรดี เขาใช้แรงอันแสนจะถึก(มาก)ของตนจนเจ้าของเรือนผมสีมะเขือเทศแอบเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“วิ้วๆ น่าสนใจดีนี่นา”
พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยข้าวของกระจายอยู่เต็มตั้งแต่หนังสือความรู้ต่างๆ เข็มทิศ เข็มเย็บผ้า ที่คาดผมหูแมว ยาสลบ ยาแก้ไข้ ยาชูกำลัง ยาแดง ยาเหลือง ยาหม่อง ผ้าพันแผล อุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆ เมล็ดพืช แครอทไปจนถึงขนมปังตากแห้ง
เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงจึงจำต้องใช้เวทเพื่อลอยตัว เพราะถ้าเหยียบลงไปคงได้ลื่นหกล้มหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่นอน แต่ก็ไม่วายพูดกระเซ้าล้อเลียนตามนิสัย “เด็กดื้อเล่นแล้วอย่าลืมเก็บของนะครับ”
“ผมไม่ใช่เด็กนะครับ!” เฟรนขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดแต่มือก็ไม่ได้หยุดปาข้าวของเลยแม้แต่น้อย
ปิเอโร่เป็นฝ่ายหนีโดยมีเรย์คุและเฟรนวิ่งตาม ข้าวของที่กระจายเต็มพื้นปล่อยหน้าที่ให้Kเบย์และนิวตินที่แปลงร่างเป็นไม้กวาด
คอยผลักหลบเพราะกุญแจทั้งสองเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า นับเป็นการแทคทีมที่ดีทีเดียว
ส่วนเครมิสกับไฟร์นะเหรอ...
“ทำไมเริ่มเล่นไล่จับแล้ว...” เครมิสพูดเบาๆ ก่อนจะย่อลงแล้วดีดตัวอย่างแรงจนพื้นที่เดิมซึ่งเคยยืนอยู่ปรากฏหลุมแผ่เป็นวงกว้าง เขามีกำลังขามากกว่าใครทำให้การจะพุ่งตัวครั้งเดียวเข้าถึงตัวปิเอโร่ไม่ใช่เรื่องยาก มังกรหนุ่มตะโกนใส่หูคนที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบจนแก้วหูแทบแตก “ไม่ชวนเราบ้างเลย!”
“แว้ก!” ปิเอโร่เอามืออุดหูด้วยความตกใจจนเสียจังหวะชะงักไปชั่วครู่ เขาหยุดฝีเท้าแล้วพล่ามยาว “ไม่เห็นต้องใช้เสียงดัง
ขนาดนั้นเลย รู้ไหมว่าระยะทางมีผลต่อการได้ยินตามกฎของฟิสิกส์ อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องขึ้นเสียงมากก็ได้ นี่มันมลพิษทางเสียงเชียวนะครับ!”
เรย์คุกับเฟรนถูกแรงอัดอากาศที่มาจากการพุ่งตัวของเครมิสดันออกไปด้านข้าง ทั้งสองเผยสีหน้าแปลกใจไม่แพ้ไฟร์ที่วิ่งตามมาภายหลัง กุญแจแห่งไฟไม่คิดว่าเด็กบ้าที่วันๆ เอาแต่เล่นจะมีความสามารถแบบนี้ซ่อนอยู่
เมื่อกี้มันอะไรวะ!
แม้จะแปลกใจในการเคลื่อนที่อันรุนแรงของว่าที่คู่แข็งในอนาคตแต่เรย์ก็ไม่ลืมจุดประสงค์หลัก ในตอนนี้จึงเก็บข้อสงสัยแล้วตะโกนบอก “นาย...นายชื่ออะไรก็ช่าง ทำไมไม่รีบจับมันตอนเผลอเล่า!”
“อ๊ะ...” มังกรหนุ่มกระพริบตาปริบๆ มองหน้าเรย์คุที่วิ่งตามมาสลับกับปิเอโร่ที่กำลังยืนบ่นอย่างลืมตัว “ลืมสนิทเลยแฮะเรา”
เวรกรรม... เรย์คุ ไฟร์ และเฟรนเกิดอาการใจตรงกันแปลกๆ อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
แต่เพราะทั้งสามคนวิ่งตามมาทันทำให้ปิเอโร่รู้สึกตัวแล้วถอยระยะห่างออกไปอีกครั้ง เขายิ้มยียวนกวนประสาทตามเคยโดยไม่ลืมพูดล้อเลียนแซวเล่นพอเป็นพิธี “ช้าไปหน่อยนะ มังกือน้อย”
“เราไม่ใช่มังกือนะ!”
เครมิสยิงลูกไฟขนาดใหญ่ออกไปแทบจะในทันที เกิดความวุ่นวายเพราะวอลเปเปอร์ไหม้ไฟไปหลายส่วน ทว่าเมื่อเรย์คุใช้น้ำดับจนเกิดควันโขมงแล้วยิ่งทำให้พวกเขาหาจอมกวนปิเอโร่ไม่เจอเข้าไปใหญ่
“เล่นแรงกันจังนะครับ...” ปิเอโร่พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “ผมขอลี้ภัยก่อนดีกว่า ฮ่าๆๆ”
และแล้ว...ร่างนั้นก็หายไปอีกตามเคย
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะจะได้จบๆ กันสักที!” เรย์คุประกาศกร้าวด้วยโทสะหลังจากเริ่มตั้งสติได้ เขาหันไปสำรวจรอบๆ แล้วด่าไม่มีหยุด “เอาแต่ซ่อนแบบนี้มันขี้ขลาดนี่หว่า!”
“ถ้าพวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอด...”
เฟรนเริ่มหวาดวิตกอย่างแปลกๆ แต่ก็มีคน ไม่สิ...ต้องเรียกว่าตัวประหลาดที่จะเรียกว่าแมวก็ไม่ใช่ กระต่ายก็ไม่เชิงอย่างKเบย์
พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อย่างท่านปิเอโร่ไม่ขังพวกเราไว้ที่นี่ตลอดกาลแน่นอนครัฟ”
“จริงเหรอครับ!” เฟรนถามเพื่อความแน่ใจ
Kเบย์พยักหน้าแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าร่าเริงยิ่งขึ้นไปอีก “แค่ตอนมาช่วยพวกเราจะเสริมออฟชั่นพิเศษเป็นการลงโทษเอง
อืม...ต้องสนุกแน่ๆ เลยฮรัฟ!”
“ยังมีหน้ามาระรื่นอีกนะ...ไอ้แมวโรคจิตเอ๊ย!” พูดจบก็เตะเปรี้ยงเข้าให้จนKเบย์ลอยไปแปะฝาผนังคล้ายจิ้งจกจำเป็น แต่เหมือนอารมณ์จะยังครุกกรุ่นจากการไล่ตามปิเอโร่เมื่อครู่ทำให้เรย์คุตามไปกระทืบซ้ำอีกสักสองสามทีก่อนจะใช้เท้าเขี่ยร่างแบนๆ ยืดๆ ให้หลุดออกมา ใช้เวลาไม่นานจอมซ่าก็กลับสภาพเดิมเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
Kเบย์ปลอดภัยดีทนทานตายยาก เรย์คุหายหงุดหงิดจนอารมณ์ดียิ้มแป้น นับเป็นกุญแจที่เกิดมาเพื่อเป็นส้วมเอาไว้ระบายอารมณ์จริงๆ
จากที่ตอนแรกแต่ละคนแอบนึกด้วยความโล่งอกว่ารอดพ้นจากการถูกกักขังชั่วนิรันดร์ก็กลับต้องเครียดขึ้นมามากกว่าเดิม
แม้แต่ไฟร์ก็อดกุมขมับด้วยความกังวลไม่ได้
เพราะเขา ‘เคย’ โดนปิเอโร่ ‘แกล้ง’ มาแล้ว
หรือพูดให้ถูก...กุญแจทั้งหลายเคยผ่านชะตากรรมนี้กันมาหมด!
แค่นึกถึงก็เสียวสันหลังจะแย่...
ไฟร์สะบัดหัวไล่ภาพความทรงจำอันน่าสยองออกไปก่อนจะพูดต่อ “แล้วใครมีแผนอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“ทำไมต้องมีแผนด้วยอะ?” เครมิสกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย “เกมไล่จับก็แค่วิ่งตามเหมือนในฉากละครใช่ไหม
เราเคยเห็นท่านแม่เล่าให้ฟัง เอ...เข้ามักจะพูดว่าไงนะ?”
“จับฉันให้ได้สิ~” เรย์คุตอบด้วยความมั่นใจเต็มร้อยแถมไม่ลืมใส่เสียงประกอบให้เข้ากันกับบทพูดอีกต่างหาก พอรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปก็หน้าแดงแปร๊ดแล้วปิดหน้ารับไม่ได้ “แล้วฉันจะตอบทำไมวะเนี่ย!”
“ไฟริราโวล่าจัง” เครมิสเอื้อมมือไปจับเพื่อนร่วมชะตากรรมของตนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไว้เรามาลองเล่นแบบนั้นกันดูบ้างนะ”
“เอ่อ...” ไฟร์ชะงักค้างไปเล็กน้อยจนเผลอก้าวถอยหลังก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงใครมีแผนอะไรบ้างไหม?”
“ไฟราโรวาเย่ใจร้ายไม่ยอมตอบเราอะ...” พูดจบก็ลงไปนั่งเขี่ยพื้นด้วยความงอนๆ พลางหันไปมองเจ้าของชื่อเป็นพักๆ
เหมือนอยากให้อีกฝ่ายง้อ
แต่คิดหรือว่าจิ้งจอกอัคคีอย่างไฟร์จะยอมอ่อนข้อให้...ไม่มีทาง!
“จะว่ามีก็ได้...” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีฟ้ายาวสลวยลากยาวจรดพื้นโดยที่
ไม่คิดจะรวบมัดแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาก็ชิงพูดต่อทันที “ข้ามีนามว่า อันหลงเฟย”
“...” เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใดๆ คล้ายกำลังรอให้ผู้มาใหม่อธิบายขยายความให้มากขึ้น แต่แม้จะทั้งยืนมอง นั่งมอง กลิ้งมอง
จ้องจนทะลุปรุโปร่งแค่ไหน อีกฝ่ายกลับตีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
หรือให้ถูก...ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา!
เนื่องด้วยเขาเป็นคนใจเย็นดุจน้ำแข็งขั้วโลกผสมเกลือ 10% น้ำปลา 2% โรยผงชูรสอีก 1% จนมีรสกลมกล่อมน่ากิน
เหมาะเป็นอาหารว่างชั่วคราวในยามยากให้หมีขาวและผองเพื่อน ทำให้เรย์คุยังคงสีหน้าด้าน เอ๊ย! ตายด้าน ไม่ดีๆ...เอาเป็นว่านิ่งเฉย
สงบเสงี่ยมได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนคนตรงหน้าเป็นเพียงก้อนน้ำเดินได้โดยมีสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว Spirulina Sp. กับ
ปลาทองพันธุ์ริวกิ้นว่ายไปมา
...ซะเมื่อไหร่
“ไม่คิดจะพูดให้มันชัดเจนกว่านี้รึไงฮะ!” ไม่พูดเปล่าเขายังตรงเข้ากระชากคอเสื้อหรือพูดให้ถูกคือชุดจีนแปลกๆ ยาวเฟื้อย
ที่ไม่น่าจะสะดวกต่อการเดินสักเท่าไหร่ “ยังจะเงียบอยู่อีก!”
“ห้ามทำร้ายหลงเฟยนะ! เขาก็แค่...” ชายหนุ่มร่างสูงกว่า 192 เซนติเมตรผู้มาพร้อมเรือนผมสีเขียวและงูขาวบริสุทธิ์บนไหล่
รีบเข้าขวางตรงหน้าเจ้านายของตนทันทีแล้วประกาศเสียงดัง “เอ่อ...เป็นคนเงียบไปหน่อยแค่นั้นเอง!”
แต่ละคนในที่นั้นไม่ได้ตกใจกับการปรากฏตัวของชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับหันไปสำรวจรูปร่างหน้าตาเจ้าของ
สายตาเย็นชามากกว่า
“เมื่อสักครู่...” เฟรนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ คล้ายไม่เชื่อ “คุณพูดว่า ‘เขา’ เหรอครับ?!”
“ไม่จริงน่า...” เรย์คุชี้หน้าหวานๆ พร้อมเรือนผมยาวสลวยแล้วตวาดลั่น “หน้าแบบนี้จะเป็นผู้ชายได้ยังไง!”
“หึ...ข้าจำได้ว่าตอนเดินผ่านหน้าห้องเจ้าคราวก่อน” อันหลงเฟยแค่นเสียงก่อนจะมองด้วยสายตาดูถูก
“...เจ้าใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่องไม่ใช่หรือเยี่ยงไร”
“ท่านเรย์แต่งชุดสาวน้อยเวทมนตร์แล้วขึ้นมากเลยนะฮรัฟ!” Kเบย์ยิ้มแย้มเป็นเท่าตัวเมื่อพบว่ามีคนเคยเห็นชุด
อันแสนภาคภูมิของเขา “มีแต่คนชอบใช่ไหมล่า ฮุฮิฮุฮิ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะประหลาดๆ แบบนั้นเลยนะไอ้Kจิตเสื่อม!”
เครมิสตรงเข้ากุมมือเฟรนแล้วถามด้วยแววตาใสปิ๊งน่ารัก “จิตเสื่อมคืออะไรเหรอ?”
“เอ่อ...” ผู้ถูกโจมตีกะทันหันถึงกับทำหน้าเหวอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร ส่วนนิวตินที่เกาะไหล่อยู่ก็ดิ้นด้วยความงอน
แล้วพยายามแกะมือของเครมิสออก
“อะแฮ่ม...” ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ไฟร์ก็กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ใช้มือของตนปิดปากช่างถามของเครมิส
เพราะแอบหึง(?) แล้วหันไปถามหลงเฟยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าบอกว่ามี ‘แผน’ สินะ”
เมื่อมีคนพูดถึงเขาก็พยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ ไม่คิดจะเปิดปากอธิบายอะไรต่อ เฟรนจึงรีบเอ่ยถามก่อนเจ้าตัวจะเงียบเป็นเป่าสากให้เรย์คุหงุดหงิดรำคาญ“ช่วยอธิบายแผนการที่ว่าด้วยได้ไหมครับ?”
ทำไมเฟรนต้องรีบถามต่อน่ะเหรอ? เพราะเมื่อเรย์คุโมโหก็จะตามมาด้วยการไประบายอารมณ์กับKเบย์ เครมิสร่วมช่วยซ้ำเติม
จนโดนไฟร์ดุ หลงเฟยนิ่งเงียบต่อไปแล้วเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำซากเป็นวงจรอุบาทว์
ไม่มีใครอยากเอ้อระเหยในสถานการณ์แบบนี้หรอกถูกไหม?
“แผนคือ...” เขาพูดด้วยเสียงเบาคล้ายกระซิบกลัวว่าปิเอโร่จะมาได้ยินจนความพยายามต้องสูญเปล่า เมื่ออธิบายจบก็ใช้
สายตาเย็นเฉียบปรายไปหาทุกๆ คน “ทางข้ายังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ข้าเองก็ทำตามคำสั่งของหลงเฟย” หนึ่งในกุญแจนาม ‘แอสคลีปิอุสแห่งกลุ่มดาวออฟิอุคคัส’ เอ่ยอย่างไม่จีรัง เขาลูบหัว
‘อลิซ’ งูสีเผือกที่รักยิ่งอย่างเอ็นดู ก่อนจะตวัดสายตาไปหาคนอื่นๆ ในที่นี้ “แล้วพวกเจ้าล่ะ?”
“แต่แผนนี้ค่อนข้างจะเสี่ยง ผมคาดว่าไม่แน่ถ้าพลาด...” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทฟูฟ่องทรงเป็ด หรือก็คือเฟรนนั่นแหละพูดขึ้น เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดคล้ายตัดสินใจไม่ถูก “อาจถึงตาย”
เมื่อคำว่า ‘ตาย’ หลุดออกจากปากก็ทำให้บรรยากาศดูติดลบเข้าไปใหญ่ เสียงสายลมพัดผ่านร่างพวกเขาไปแม้ไม่รู้ว่าหน้าต่างคือทางไหนก็เถอะ สีหน้าแต่ละคนดูกดดันเหมือนไม่รู้จะเลือกเส้นทางไหน ขนาดเครมิสซึ่งเป็นคนร่าเริงยังเผยอีกด้านที่ไม่ค่อยแสดงให้ใครเห็นออกมา นัยน์ตาสีทองวาวโรจน์ครั้งหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะข่มตาลงคล้ายเตือนสติตัวเอง
เรา...จะไม่ทำเหมือนเมื่อ ‘ครั้งนั้น’ เด็ดขาด
ไฟร์ซึ่งยืนอยู่ใกล้มังกรหนุ่มมากที่สุดอดแปลกใจในท่าทีเมื่อครู่ไม่ได้ แต่ไอ้การจะให้เอ่ยถามก็ดูจะไม่เหมาะในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเรื่องแผนการที่ว่ามานั้น หากเครมิสยืนยันจะร่วมด้วยเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องขัด ดังนั้นพออีกฝ่ายไม่พูดไม่จาทำให้จิ้งจอกอัคคีที่
แม้กร้านโลกสักเพียงได้ก็ทำได้แค่ยืนรอคำตอบ
“นิววว” ร่างกลมเหมือนลูกบอลสีขาวอันน่าจับมาลองบีบเล่นกระโดดไปอยู่บนหัวของเจ้านายคล้ายต้องการจะปลอบแล้วยืนยัน
ประกาศเสียงดัง “เค้าเชื่อใจเฟรนเสมอนะ นิว~”
สำหรับกุญแจแล้วเจ้านายคือคนสำคัญซึ่งพวกเขาไว้วางใจที่สุด แม้จะต้องเสี่ยงก็ขอร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่มีวันทอดทิ้ง
ใครคนใดคนหนึ่งไปเด็ดขาด หาไม่แล้วจะเป็นประโยชน์อันใดที่พวกเขาต้องออกตามหาผู้ถูกเลือกของตนอย่างขะมักเขม้น
บางคนต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจกว่าจะได้พบคนที่ใช่
ถ้าไม่เชื่อใจ...แล้วจะยอมรับเป็นนายทำไมล่ะถูกไหม
“ทำไมท่านเรย์คุไม่หัดทำตัวน่าเชื่อถือแบบนั้นบ้างนะ...” Kเบย์พูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนเบื้องล่างสุดๆ “พอไม่ใส่ชุดสาว
น้อยเวทมนตร์สุดอลังการแล้วหมดไฟสู้เชียวเหรอ ให้ผมร่ายเวทแปลงกายให้เลยไหมฮรัฟ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยเจ้าแมวจิต!” เรย์คุตวาดใส่ก่อนจะหันไปทางเพื่อนร่วมกลุ่มคนใหม่มาดนิ่งเย็นชาแล้วพูดเสียงดัง
อย่างจงใจ “ฉันเองก็เอาด้วย ไม่กลัวหรอก!”
“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ เพราะอย่างท่านเรย์คุก็มีดีแค่เรื่องไม่รักตัวกลัวตายเท่านั้นแหละ ฮุๆๆ” Kเบย์หัวเราะเสียงหลง
แล้วยืดอกอันไม่ค่อยมีอย่างภาคภูมิ “อย่างนี้ถึงจะสมกับที่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ของกระผมหน่อย”
เรย์คุเกาแก้มอย่างเก้อๆ เขาคิดว่าสัตว์ประหลาดจอมชวนทะเลาะตัวนี้แอบพูดให้กำลังใจเขากลายๆ จึงยอมปล่อยเลยตามเลย
ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ซ้อมจนเละสักครั้ง
ก็นับว่ามี...ด้านดีกับเขาเหมือนกันนี่
“เรา...” ก่อนที่แต่ละคู่จะเข้าโลกส่วนตัวไปมากกว่านี้เครมิสก็เอ่ยขึ้นตัดบทด้วยสีหน้าร่าเริงเหมือนเคย สลัดคราบเศร้าโศกหมดอาลัยเมื่อครู่ทิ้งเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา “ไม่ว่าจะยังไงก็ขอสู้ตาย ต้องชนะเกมไล่จับนี้ให้ได้!”
พอเห็นคู่หูของตนกลับมายิ้มแย้มได้ไฟร์ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาเห็นสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่สมกับความบ้ายามปกติของเครมิส วินาทีนั้นทำเอาอกของร่างสูงเย็นวาบคล้ายหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อมองนัยน์ตาสีเหลืองทอง
ของคนตรงหน้าซึ่งสั่นระริกจากทั้งความเศร้าและความโกรธ...
โกรธ ‘บาป’ ที่ตัวเองได้เป็นคนก่อไว้ในอดีตอันแสนไกล
แม้จะไม่รู้ว่าเครมิส ดิมอส มังกรบ้าหลุดโลกที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ นั้นเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่เขาก็อยากจะ ‘เชื่อ’ และเดินตาม
เส้นทางที่คนๆ นี้เป็นคนเลือกสรร
เจ้านี่มัน...ทำให้ข้าห่วงอยู่เรื่อย
ส่วนเรื่องลง...
ตกลง แพรลงอันนี้นะ อยากจับปิเอโร่ซัง >w<
------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวเอียง คือ ความคิดในใจนะคะ
'.......' พวกเน้นคำหรือชื่อ
"......." พูดปกติ
เราตั้งไว้ที่ฟ้อนขนาด 20 cordia นะ หวังว่าจะไม่เล็กเกินไป (ถ้าเล็กไปก็กดซูมเอา)
------------------------------------------------------------------------------------------
Turn III
Turn III
บรรยากาศวุ่นวายภายใต้ห้องประหลาดซึ่งไม่รู้ว่าทางออกกลับสู่โลกความจริงคือทางไหน สีสันแสบตาที่ผู้สร้างจงใจป้ายกำแพงเป็นลายจนมั่วเสริมให้เส้นอารมณ์ของจิ้งจอกอัคคีขาดสะบั้นลงในเวลาไม่นานนัก
“พวกเจ้าจะเอาอย่างไรกันต่อ” เสียงเรียบนิ่งติดจะเย็นชาเล็กๆ ดังมาจากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงซอยสั้น นัยน์ตาสีแดงเลือดตวัดไปรอบๆ คล้ายกดดันพวกบ้าบางคนที่เอาแต่เล่นไม่รู้จักเวลา “เลิกเล่นกันได้แล้ว...หัดดูสถานการณ์ปัจจุบันกันเสียบ้าง”
ไฟร์ หนึ่งในกุญแจโดยมีเจ้าของนาม ‘เครมิส ดิมอส’ เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์เพื่อสะดวกในการช่วยกันตามจับปิเอโร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนหากไม่มาช่วยกันวิเคราะห์วางแผนเตรียมรับมือ เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาไม่มีทางตามจับตัวตลกจอมกวนได้แน่นอน
แม้เรย์คุจะเลิกเล่นไล่จับตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับ K เบย์แล้ว แต่ดูเหมือนยังมีอีกคนที่ยังไม่เลิก
“เราไม่ได้เล่นเฉยๆ สักหน่อย...” มังกรหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีทองเบ้ปากอย่างขัดใจ “เขาเรียกเกม ‘ไล่จับ’ ต่างหาก”
มันก็คือการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหมือนกันนั่นแหละ!
ไฟร์แทบอยากตรงเข้าไปอัดเจ้าบ้าบางคนหากไม่ติดว่าจะยิ่งเป็นการสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ร่างสูงหันไปถามเพื่อนร่วมการเดินทางเพื่อขอความเห็น “พวกเจ้าเจออะไรที่ผิดสังเกตกันบ้างไหม?”
เฟรนหรือชื่อเต็มๆ คือ ‘เฟรน เชอร์เรย์’ เป็นคนแรกที่พยักหน้า แล้วเมื่อเขาหันไปเห็นสายตาจากคนในกลุ่มพุ่งตรงมาก็เข้าใจความหมายเป็นสากลว่าให้อธิบายต่อ “ห้องลับนี้ค่อนข้างมีการเชื่อมต่อมิติที่ซับซ้อนคล้ายการสุ่ม แต่การสร้างของแบบนี้ขึ้นมามักจะต้องกำหนดจุดศูนย์กลางในการส่งคลื่นเวทมนตร์”
“อืม...เป็นเรื่องถนัดของเจ้านั่นเสียด้วย” ไฟร์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดเสริม “ต้องซ่อนไว้ลึกลับสุดๆ แหง”
“แค่หาแล้วทำลายทิ้งใช่ไหม?” เครมิสยิ้มร่าอย่างตื่นเต้น “เราชอบการจุดไฟที่สุด ขอเป็นคนเผาน้า~”
“เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะ” อีกหนึ่งบุรุษยกมือขึ้นห้ามแล้วยิ้มแหยๆ อย่างเขินอายเล็กๆ “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดสักนิดเดียว”
สายตาหลายคู่จากทั้งผู้เข้าแข่งขันและเหล่ากุญแจเบนมาทางเขาคล้ายแปลกใจในอะไรหลายๆ อย่าง อาจเพราะแต่ละคนล้วนมีทักษะด้านเวทมนตร์กันมาพอสมควร ไม่ต้องพูดถึงกุญแจทั้งหลายที่อายุมากพอจะจดจำข้อมูลนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นดังนั้น ‘ฮาจิเซ็น เรย์คุ’ ก็ยิ่งเผยสีหน้าเหยเกแล้วแอบคิดอย่างน้อยใจ
ขอโทษแล้วกันที่ฉันมันไม่ฉลาดเหมือนพวกนาย! กับอีแค่มีผมสีน้ำเงินเหมือนกางเกงนักเรียนชายหัวเกรียนไม่ได้ทำให้ฉันเป็นพวกเกรียนไม่มีสมองไร้สารุดูดบุหรี่ไปวันๆ นะเฟ้ย เอ...แต่สีกางเกงพวกนั้นแสบตาไปหน่อย อาจต้องผสมงาดำ น้ำตาล พริกไทย สารพัดของกลมกิ๊กกุ๊กกู๋ ปรุงรสอีกนิดจนออกมาเป็นสาววายพาวเวอร์คัพซี
เรย์คุชะงักไปชั่วครู่เหมือนเพิ่งนึกได้
เอิ่ม...กูคิดบ้าอะไรอีกแล้วฟระ!
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินทึ้งหัวตัวเองเพื่อไล่นิสัยจินาการเพ้อฝันหลุดโลกของตัวเองออกไปก่อนที่คนรอบข้างจะหาว่าเขาบ้าไปมากกว่านี้
“ขอโทษแล้วกัน” เรย์คุเกาหัวอย่างเก้อๆ “นายพูดต่อเถอะ”
เฟรนยิ้มแห้งๆ เหมือนปรับอารมณ์ไม่ถูก เขาไม่ค่อยคุ้นเคยการรับมือคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ เท่าไหร่ แล้วยิ่งคราวนี้ต้องมาร่วมมือร่วมใจกันทำภารกิจทั้งๆ ที่หลังจากนี้อาจต้องเป็นศัตรูกัน
นั่นสินะ...พวกเราจำเป็นต้องสู้กันอยู่ดี
เขาคิดด้วยความรู้สึกกังวลเล็กๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติแล้วพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ดังนั้นผมคิดว่าหากพวกเราทำลายศูนย์กลางที่ว่าก็จะทำให้ห้องกลับเป็นปกติ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับปิเอโรวิล่า?” เครมิสเอียงคอฉงนด้วยความไม่เข้าใจ แม้เขาจะเล่นสนุกบ้าบอไปวันๆ แต่ความจำก็ไม่ได้สั้นจัดจนลืมว่าภารกิจที่ได้รับมาคือ ‘การตามจับปิเอโร่’ ต่างหาก “เราต้องเล่นเกม ‘ไล่จับ’ ไม่ใช่เหรอ?”
เฟรนกระพริบตาปริบๆ เหมือนพยายามไต่ตรองข้อมูลที่ได้รับมา “ปิเอโรวิล่า?”
“เจ้างี่เง่านี่ติดนิสัยชอบเรียกชื่อคนผิดๆ” ไฟร์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วโบกมือเหมือนให้พูดต่อ “อย่าใส่ใจนักเลย พูดต่อไปเถอะ”
“หากห้องกลับเป็นปกติแล้วคิดว่าน่าจะหาตัวคุณปิเอโร่ได้ง่ายขึ้น...” เฟรนอธิบายเหตุผลก่อนจะชี้ไปให้สมาชิกในกลุ่มหันไปมองรอบๆ“ถ้ายังช้าอยู่พวกเราอาจติดอยู่ในนี้ก็เป็นได้ครับ”
ห้องซึ่งวกไปวนมาหลากสีตั้งแต่ฟ้า แดง เหลือง เขียวไปจนถึงน้ำตาลแก่เหมือนคาราเมลไหม้ไฟ ลวดลายตารางหมากรุกเอย ดอกกุหลาบยั้วเยี้ย ไพ่คิง แหม่ม แจ็ก โพธิ์ดำแดงบลาๆ จนตาลายไปหมด แถมด้วยประตูที่มีอยู่ทั่วไม่ว่าจะซ้าย ขวา หน้า หลัง
แม้แต่พื้นหรือเพดานก็ยังมี!
หากมันจบง่ายๆ เพียงแค่นั้นคงไม่ได้ชื่อว่า ‘ห้องลับของปิเอโร่’ มาหรอกถูกไหม ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาอาจยังไม่ทันได้พบเจออันตรายใหญ่หลวงนอกจากการเดินวนไปวนมาให้ขาลาก ทว่าอย่าลืมสิว่า ‘ห้องลับ’ มักมีบางสิ่งบางอย่างที่คนสามัญเรียกว่า ‘กับดัก’
และ ‘กับดัก’ ที่ว่าก็เหมือนจะ ‘เริ่ม’ ออกฤทธิ์เดชให้ปวดหัวเป็นสามเท่า!
“อันนี้ข้าทราบดี...” ไฟร์เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แปลกใจอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้ามึนๆ ของหลายๆ คนรวมไปถึงเครมิสก็ทำให้เขาอดพูดข่มไม่ได้ “หรือพวกเจ้าไม่รู้ว่าห้องนี้มันเปลี่ยนรูปร่างได้?”
ถูกต้อง...นอกจากลวดลายสุดประหลาดชวนเวียนหัวที่หลอนประสาทได้เมื่อลองมองไปรอบๆ เวลาเดินแล้วนั้น ยังมีจุดพิเศษน่ากลุ้มใจอีกคือ ‘มันเปลี่ยนรูปร่างเองได้!’ แม้จะฟังดูไม่ร้ายแรงเหมือนเขาวงกตที่มีสัตว์ประหลาดคอยปกป้องสมบัติ แต่ถ้าพื้นที่ยืนอยู่หรือกำแพงรอบด้านสามารถขยับเขยื้อนได้...
จะรู้ได้อย่างไรว่าที่เดินอยู่นั้นไม่ได้เดินอยู่กับที่!
“โอ้โห ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นความลับแล้วสินะ” เสียงสุดกวนเบื้องล่างชวนหาเรื่องดังมาจากเพดานซึ่งมีประตูเปิดอยู่พร้อมหมวกตัวตลกสีแดงห้อยต่องแต่งลงมาตามแรงโน้มถ่วง “หึๆๆ แต่ถ้าไม่รีบจนผมเบื่อเสียก่อน...คงรู้นะว่าจะเป็นอย่างไร”
ทุกคนหันไปทางต้นเสียงเป็นตาเดียวแต่มีเครมิสคนหนึ่งที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ปิเอโรมุเน่นี่นา!”
“เหวอ!” ปิเอโร่ลื่นไถลเกือบจับขอบช่องลับไม่อยู่จนหล่นลงมา หน้ากากหลุดร่วงตกลงบนพื้นสีแดงสดลายตุ๊กแก อาจเพราะการถูกเรียกด้วยชื่อประหลาดๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็เป็นได้ เขาทำท่าพยายามปกปิดใบหน้าของตนแล้วร้องดังลั่น “หน้าของผม...หน้าของผม!”
“ปิเอโร่!” ไฟร์เผยสีหน้าร้อนรนขึ้นทันทีเพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยเป็นกุญแจของคนๆ นี้มาก่อน “เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
“ตะ...ตาของผม...” เจ้าของเรือนผมสีมะเขือเทศส่ายไปส่ายมาด้วยความเจ็บปวดแล้วร้องลั่น “อ้ากกก!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดี ถึงไฟร์จะเบื่อนิสัยขี้แกล้งและเอาแต่ใจของปิเอโร่ แต่เขาก็ทนดูคนรู้จักเป็นอะไรตายตรงหน้าไม่ได้
ชายหนุ่มรีบกระโดดขึ้นไปเพื่อจะช่วยดูอาการ ทว่าเมื่อมือสัมผัสร่างนั้น...
ปุ๋ง! เกิดควันขึ้นบางๆ ก่อนร่างตัวตลกกวนโอ๊ยจะแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นกระดาษเขียนว่า ‘หลอกเล่นจ้า’
“ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าไฟร์รี่จะหลงกลง่ายๆ แบบนี้นะเนี่ย” เสียงปิเอโร่จอมกวนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้มองไม่เห็นตัว
“ลืมแล้วเหรอว่าหน้ากากผมใส่เป็นงานอดิเรกต่างหาก ไม่ใช่เพราะปิดบังอะไรสักหน่อย”
ไฟร์ถึงกับแข็งค้างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทั้งร่างสั่นด้วยความโมโหเหมือนพยายามอดกลั้นเอาไว้ แม้แต่เครมิสซึ่งอยู่ข้างๆ ยังไม่กล้าพูดก่อกวนเหมือนเคย
“โอ๋ๆ ไฟร์รี่อย่าเพิ่งน้อยใจไป” ปิเอโร่โผล่มาทำสีหน้าอ่อนโยนเหมือนปลอบเด็ก “จับให้ได้แล้วเดี๋ยวมีรางวัลเพิ่มเป็นอมยิ้มนะ”
“อย่าแกล้งไฟราเวโนยู่นะ!” เครมิสกระโจนเข้าใส่ปิเอโร่ซึ่งย้ายร่างไปยืนอยู่ด้านหลังไฟร์ แต่เมื่อแตะตัวเพียงเล็กน้อยคนตรงหน้าก็หายตัวไปอีก เขาทำตาปริบๆ เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “ที่แท้ปิเอริเวซูย่าเป็นตัวประหลาดไอน้ำแน่ๆ เลย!”
มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าบ้า/ครับ เรย์คุ ไฟร์ และเฟรนเกิดคิดตรงกันขึ้นมาเฉยๆ
“ว้าๆ เรียกชื่อผมแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ตัวตลกจอมกวนทำหน้ามุ่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ K เบย์ “เนอะๆ Kจัง ผมพูดถูกใช่ไหม”
“อยู่ตรงนั้นเองเรอะ!” เรย์คุชิงใช้โอกาสนี้ยิงเวทน้ำหลายสายอย่างต่อเนื่อง สายน้ำสีฟ้าใสพวยพุ่งเหมือนลูกธนูติดโซ่ หากพลาดเพียงเล็กน้อยอาจโดนแทงจนบาดเจ็บไม่ก็สะดุดสายโซ่น้ำจนล้มหัวฟาดพื้น เขาพยายามตัดช่องทางหลีกหนีด้วยการใช้เวทที่กินพื้นที่กว้าง
ความจริงเรย์คุไม่ถนัดการใช้เวทสักเท่าไหร่ แม้จะได้รับพลังจากกุญแจแห่งน้ำแต่ก็มักหยิบมาใช้ควบคู่ไปกับอาวุธมากกว่า ที่สามารถงัดไม้ตายออกมาได้ขนาดนี้อาจเพราะปฏิกิริยาเลือดวิ่งแล่นไปกระจุกบริเวณใบหน้า ความดันเพิ่มขึ้น 5% อาการคันไม้คันมือเริ่มเปลี่ยนเป็นคันเท้า
หรือรวมๆ เรียกว่า...ฟิวส์ขาด
แม้จะเป็นการจู่โจมแบบกะทันหันทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับกระโดดไปด้านหลังโดยใช้มือเพียงข้างเดียวในการสัมผัสพื้นเพื่อตีลังกาเว้นระยะห่าง เอี้ยวตัวหลบการโจมตีซ้ายขวาได้อย่างคล่องแคล่วทำให้สายน้ำเหล่านั้นดูเหมือนเป็นเพียงการเล่นสงกรานต์ของเด็กๆ รอยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าและปราศจากน้ำเหงื่อแห่งความวิตกคล้ายเป็นการเต้นแอโรบิกยามเช้าเสียมากกว่า
แม้ไม่แปลงร่างเป็นควัน...คนอย่างปิเอโร่ก็ยากจะต่อกรอยู่ดี!
“ย้าก!” เฟรนหยิบของในกระเป๋าถือคู่กายมาขว้างใส่เพราะไม่รู้จะโจมตีระยะไกลอย่างไรดี เขาใช้แรงอันแสนจะถึก(มาก)ของตนจนเจ้าของเรือนผมสีมะเขือเทศแอบเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“วิ้วๆ น่าสนใจดีนี่นา”
พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยข้าวของกระจายอยู่เต็มตั้งแต่หนังสือความรู้ต่างๆ เข็มทิศ เข็มเย็บผ้า ที่คาดผมหูแมว ยาสลบ ยาแก้ไข้ ยาชูกำลัง ยาแดง ยาเหลือง ยาหม่อง ผ้าพันแผล อุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆ เมล็ดพืช แครอทไปจนถึงขนมปังตากแห้ง
เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงจึงจำต้องใช้เวทเพื่อลอยตัว เพราะถ้าเหยียบลงไปคงได้ลื่นหกล้มหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่นอน แต่ก็ไม่วายพูดกระเซ้าล้อเลียนตามนิสัย “เด็กดื้อเล่นแล้วอย่าลืมเก็บของนะครับ”
“ผมไม่ใช่เด็กนะครับ!” เฟรนขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดแต่มือก็ไม่ได้หยุดปาข้าวของเลยแม้แต่น้อย
ปิเอโร่เป็นฝ่ายหนีโดยมีเรย์คุและเฟรนวิ่งตาม ข้าวของที่กระจายเต็มพื้นปล่อยหน้าที่ให้Kเบย์และนิวตินที่แปลงร่างเป็นไม้กวาด
คอยผลักหลบเพราะกุญแจทั้งสองเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า นับเป็นการแทคทีมที่ดีทีเดียว
ส่วนเครมิสกับไฟร์นะเหรอ...
“ทำไมเริ่มเล่นไล่จับแล้ว...” เครมิสพูดเบาๆ ก่อนจะย่อลงแล้วดีดตัวอย่างแรงจนพื้นที่เดิมซึ่งเคยยืนอยู่ปรากฏหลุมแผ่เป็นวงกว้าง เขามีกำลังขามากกว่าใครทำให้การจะพุ่งตัวครั้งเดียวเข้าถึงตัวปิเอโร่ไม่ใช่เรื่องยาก มังกรหนุ่มตะโกนใส่หูคนที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบจนแก้วหูแทบแตก “ไม่ชวนเราบ้างเลย!”
“แว้ก!” ปิเอโร่เอามืออุดหูด้วยความตกใจจนเสียจังหวะชะงักไปชั่วครู่ เขาหยุดฝีเท้าแล้วพล่ามยาว “ไม่เห็นต้องใช้เสียงดัง
ขนาดนั้นเลย รู้ไหมว่าระยะทางมีผลต่อการได้ยินตามกฎของฟิสิกส์ อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องขึ้นเสียงมากก็ได้ นี่มันมลพิษทางเสียงเชียวนะครับ!”
เรย์คุกับเฟรนถูกแรงอัดอากาศที่มาจากการพุ่งตัวของเครมิสดันออกไปด้านข้าง ทั้งสองเผยสีหน้าแปลกใจไม่แพ้ไฟร์ที่วิ่งตามมาภายหลัง กุญแจแห่งไฟไม่คิดว่าเด็กบ้าที่วันๆ เอาแต่เล่นจะมีความสามารถแบบนี้ซ่อนอยู่
เมื่อกี้มันอะไรวะ!
แม้จะแปลกใจในการเคลื่อนที่อันรุนแรงของว่าที่คู่แข็งในอนาคตแต่เรย์ก็ไม่ลืมจุดประสงค์หลัก ในตอนนี้จึงเก็บข้อสงสัยแล้วตะโกนบอก “นาย...นายชื่ออะไรก็ช่าง ทำไมไม่รีบจับมันตอนเผลอเล่า!”
“อ๊ะ...” มังกรหนุ่มกระพริบตาปริบๆ มองหน้าเรย์คุที่วิ่งตามมาสลับกับปิเอโร่ที่กำลังยืนบ่นอย่างลืมตัว “ลืมสนิทเลยแฮะเรา”
เวรกรรม... เรย์คุ ไฟร์ และเฟรนเกิดอาการใจตรงกันแปลกๆ อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
แต่เพราะทั้งสามคนวิ่งตามมาทันทำให้ปิเอโร่รู้สึกตัวแล้วถอยระยะห่างออกไปอีกครั้ง เขายิ้มยียวนกวนประสาทตามเคยโดยไม่ลืมพูดล้อเลียนแซวเล่นพอเป็นพิธี “ช้าไปหน่อยนะ มังกือน้อย”
“เราไม่ใช่มังกือนะ!”
เครมิสยิงลูกไฟขนาดใหญ่ออกไปแทบจะในทันที เกิดความวุ่นวายเพราะวอลเปเปอร์ไหม้ไฟไปหลายส่วน ทว่าเมื่อเรย์คุใช้น้ำดับจนเกิดควันโขมงแล้วยิ่งทำให้พวกเขาหาจอมกวนปิเอโร่ไม่เจอเข้าไปใหญ่
“เล่นแรงกันจังนะครับ...” ปิเอโร่พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “ผมขอลี้ภัยก่อนดีกว่า ฮ่าๆๆ”
และแล้ว...ร่างนั้นก็หายไปอีกตามเคย
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะจะได้จบๆ กันสักที!” เรย์คุประกาศกร้าวด้วยโทสะหลังจากเริ่มตั้งสติได้ เขาหันไปสำรวจรอบๆ แล้วด่าไม่มีหยุด “เอาแต่ซ่อนแบบนี้มันขี้ขลาดนี่หว่า!”
“ถ้าพวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอด...”
เฟรนเริ่มหวาดวิตกอย่างแปลกๆ แต่ก็มีคน ไม่สิ...ต้องเรียกว่าตัวประหลาดที่จะเรียกว่าแมวก็ไม่ใช่ กระต่ายก็ไม่เชิงอย่างKเบย์
พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อย่างท่านปิเอโร่ไม่ขังพวกเราไว้ที่นี่ตลอดกาลแน่นอนครัฟ”
“จริงเหรอครับ!” เฟรนถามเพื่อความแน่ใจ
Kเบย์พยักหน้าแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าร่าเริงยิ่งขึ้นไปอีก “แค่ตอนมาช่วยพวกเราจะเสริมออฟชั่นพิเศษเป็นการลงโทษเอง
อืม...ต้องสนุกแน่ๆ เลยฮรัฟ!”
“ยังมีหน้ามาระรื่นอีกนะ...ไอ้แมวโรคจิตเอ๊ย!” พูดจบก็เตะเปรี้ยงเข้าให้จนKเบย์ลอยไปแปะฝาผนังคล้ายจิ้งจกจำเป็น แต่เหมือนอารมณ์จะยังครุกกรุ่นจากการไล่ตามปิเอโร่เมื่อครู่ทำให้เรย์คุตามไปกระทืบซ้ำอีกสักสองสามทีก่อนจะใช้เท้าเขี่ยร่างแบนๆ ยืดๆ ให้หลุดออกมา ใช้เวลาไม่นานจอมซ่าก็กลับสภาพเดิมเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
Kเบย์ปลอดภัยดีทนทานตายยาก เรย์คุหายหงุดหงิดจนอารมณ์ดียิ้มแป้น นับเป็นกุญแจที่เกิดมาเพื่อเป็นส้วมเอาไว้ระบายอารมณ์จริงๆ
จากที่ตอนแรกแต่ละคนแอบนึกด้วยความโล่งอกว่ารอดพ้นจากการถูกกักขังชั่วนิรันดร์ก็กลับต้องเครียดขึ้นมามากกว่าเดิม
แม้แต่ไฟร์ก็อดกุมขมับด้วยความกังวลไม่ได้
เพราะเขา ‘เคย’ โดนปิเอโร่ ‘แกล้ง’ มาแล้ว
หรือพูดให้ถูก...กุญแจทั้งหลายเคยผ่านชะตากรรมนี้กันมาหมด!
แค่นึกถึงก็เสียวสันหลังจะแย่...
ไฟร์สะบัดหัวไล่ภาพความทรงจำอันน่าสยองออกไปก่อนจะพูดต่อ “แล้วใครมีแผนอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“ทำไมต้องมีแผนด้วยอะ?” เครมิสกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย “เกมไล่จับก็แค่วิ่งตามเหมือนในฉากละครใช่ไหม
เราเคยเห็นท่านแม่เล่าให้ฟัง เอ...เข้ามักจะพูดว่าไงนะ?”
“จับฉันให้ได้สิ~” เรย์คุตอบด้วยความมั่นใจเต็มร้อยแถมไม่ลืมใส่เสียงประกอบให้เข้ากันกับบทพูดอีกต่างหาก พอรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปก็หน้าแดงแปร๊ดแล้วปิดหน้ารับไม่ได้ “แล้วฉันจะตอบทำไมวะเนี่ย!”
“ไฟริราโวล่าจัง” เครมิสเอื้อมมือไปจับเพื่อนร่วมชะตากรรมของตนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไว้เรามาลองเล่นแบบนั้นกันดูบ้างนะ”
“เอ่อ...” ไฟร์ชะงักค้างไปเล็กน้อยจนเผลอก้าวถอยหลังก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงใครมีแผนอะไรบ้างไหม?”
“ไฟราโรวาเย่ใจร้ายไม่ยอมตอบเราอะ...” พูดจบก็ลงไปนั่งเขี่ยพื้นด้วยความงอนๆ พลางหันไปมองเจ้าของชื่อเป็นพักๆ
เหมือนอยากให้อีกฝ่ายง้อ
แต่คิดหรือว่าจิ้งจอกอัคคีอย่างไฟร์จะยอมอ่อนข้อให้...ไม่มีทาง!
“จะว่ามีก็ได้...” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีฟ้ายาวสลวยลากยาวจรดพื้นโดยที่
ไม่คิดจะรวบมัดแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาก็ชิงพูดต่อทันที “ข้ามีนามว่า อันหลงเฟย”
“...” เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใดๆ คล้ายกำลังรอให้ผู้มาใหม่อธิบายขยายความให้มากขึ้น แต่แม้จะทั้งยืนมอง นั่งมอง กลิ้งมอง
จ้องจนทะลุปรุโปร่งแค่ไหน อีกฝ่ายกลับตีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
หรือให้ถูก...ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา!
เนื่องด้วยเขาเป็นคนใจเย็นดุจน้ำแข็งขั้วโลกผสมเกลือ 10% น้ำปลา 2% โรยผงชูรสอีก 1% จนมีรสกลมกล่อมน่ากิน
เหมาะเป็นอาหารว่างชั่วคราวในยามยากให้หมีขาวและผองเพื่อน ทำให้เรย์คุยังคงสีหน้าด้าน เอ๊ย! ตายด้าน ไม่ดีๆ...เอาเป็นว่านิ่งเฉย
สงบเสงี่ยมได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนคนตรงหน้าเป็นเพียงก้อนน้ำเดินได้โดยมีสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว Spirulina Sp. กับ
ปลาทองพันธุ์ริวกิ้นว่ายไปมา
...ซะเมื่อไหร่
“ไม่คิดจะพูดให้มันชัดเจนกว่านี้รึไงฮะ!” ไม่พูดเปล่าเขายังตรงเข้ากระชากคอเสื้อหรือพูดให้ถูกคือชุดจีนแปลกๆ ยาวเฟื้อย
ที่ไม่น่าจะสะดวกต่อการเดินสักเท่าไหร่ “ยังจะเงียบอยู่อีก!”
“ห้ามทำร้ายหลงเฟยนะ! เขาก็แค่...” ชายหนุ่มร่างสูงกว่า 192 เซนติเมตรผู้มาพร้อมเรือนผมสีเขียวและงูขาวบริสุทธิ์บนไหล่
รีบเข้าขวางตรงหน้าเจ้านายของตนทันทีแล้วประกาศเสียงดัง “เอ่อ...เป็นคนเงียบไปหน่อยแค่นั้นเอง!”
แต่ละคนในที่นั้นไม่ได้ตกใจกับการปรากฏตัวของชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับหันไปสำรวจรูปร่างหน้าตาเจ้าของ
สายตาเย็นชามากกว่า
“เมื่อสักครู่...” เฟรนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ คล้ายไม่เชื่อ “คุณพูดว่า ‘เขา’ เหรอครับ?!”
“ไม่จริงน่า...” เรย์คุชี้หน้าหวานๆ พร้อมเรือนผมยาวสลวยแล้วตวาดลั่น “หน้าแบบนี้จะเป็นผู้ชายได้ยังไง!”
“หึ...ข้าจำได้ว่าตอนเดินผ่านหน้าห้องเจ้าคราวก่อน” อันหลงเฟยแค่นเสียงก่อนจะมองด้วยสายตาดูถูก
“...เจ้าใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่องไม่ใช่หรือเยี่ยงไร”
“ท่านเรย์แต่งชุดสาวน้อยเวทมนตร์แล้วขึ้นมากเลยนะฮรัฟ!” Kเบย์ยิ้มแย้มเป็นเท่าตัวเมื่อพบว่ามีคนเคยเห็นชุด
อันแสนภาคภูมิของเขา “มีแต่คนชอบใช่ไหมล่า ฮุฮิฮุฮิ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะประหลาดๆ แบบนั้นเลยนะไอ้Kจิตเสื่อม!”
เครมิสตรงเข้ากุมมือเฟรนแล้วถามด้วยแววตาใสปิ๊งน่ารัก “จิตเสื่อมคืออะไรเหรอ?”
“เอ่อ...” ผู้ถูกโจมตีกะทันหันถึงกับทำหน้าเหวอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร ส่วนนิวตินที่เกาะไหล่อยู่ก็ดิ้นด้วยความงอน
แล้วพยายามแกะมือของเครมิสออก
“อะแฮ่ม...” ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ไฟร์ก็กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ใช้มือของตนปิดปากช่างถามของเครมิส
เพราะแอบหึง(?) แล้วหันไปถามหลงเฟยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าบอกว่ามี ‘แผน’ สินะ”
เมื่อมีคนพูดถึงเขาก็พยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ ไม่คิดจะเปิดปากอธิบายอะไรต่อ เฟรนจึงรีบเอ่ยถามก่อนเจ้าตัวจะเงียบเป็นเป่าสากให้เรย์คุหงุดหงิดรำคาญ“ช่วยอธิบายแผนการที่ว่าด้วยได้ไหมครับ?”
ทำไมเฟรนต้องรีบถามต่อน่ะเหรอ? เพราะเมื่อเรย์คุโมโหก็จะตามมาด้วยการไประบายอารมณ์กับKเบย์ เครมิสร่วมช่วยซ้ำเติม
จนโดนไฟร์ดุ หลงเฟยนิ่งเงียบต่อไปแล้วเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำซากเป็นวงจรอุบาทว์
ไม่มีใครอยากเอ้อระเหยในสถานการณ์แบบนี้หรอกถูกไหม?
“แผนคือ...” เขาพูดด้วยเสียงเบาคล้ายกระซิบกลัวว่าปิเอโร่จะมาได้ยินจนความพยายามต้องสูญเปล่า เมื่ออธิบายจบก็ใช้
สายตาเย็นเฉียบปรายไปหาทุกๆ คน “ทางข้ายังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ข้าเองก็ทำตามคำสั่งของหลงเฟย” หนึ่งในกุญแจนาม ‘แอสคลีปิอุสแห่งกลุ่มดาวออฟิอุคคัส’ เอ่ยอย่างไม่จีรัง เขาลูบหัว
‘อลิซ’ งูสีเผือกที่รักยิ่งอย่างเอ็นดู ก่อนจะตวัดสายตาไปหาคนอื่นๆ ในที่นี้ “แล้วพวกเจ้าล่ะ?”
“แต่แผนนี้ค่อนข้างจะเสี่ยง ผมคาดว่าไม่แน่ถ้าพลาด...” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทฟูฟ่องทรงเป็ด หรือก็คือเฟรนนั่นแหละพูดขึ้น เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดคล้ายตัดสินใจไม่ถูก “อาจถึงตาย”
เมื่อคำว่า ‘ตาย’ หลุดออกจากปากก็ทำให้บรรยากาศดูติดลบเข้าไปใหญ่ เสียงสายลมพัดผ่านร่างพวกเขาไปแม้ไม่รู้ว่าหน้าต่างคือทางไหนก็เถอะ สีหน้าแต่ละคนดูกดดันเหมือนไม่รู้จะเลือกเส้นทางไหน ขนาดเครมิสซึ่งเป็นคนร่าเริงยังเผยอีกด้านที่ไม่ค่อยแสดงให้ใครเห็นออกมา นัยน์ตาสีทองวาวโรจน์ครั้งหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะข่มตาลงคล้ายเตือนสติตัวเอง
เรา...จะไม่ทำเหมือนเมื่อ ‘ครั้งนั้น’ เด็ดขาด
ไฟร์ซึ่งยืนอยู่ใกล้มังกรหนุ่มมากที่สุดอดแปลกใจในท่าทีเมื่อครู่ไม่ได้ แต่ไอ้การจะให้เอ่ยถามก็ดูจะไม่เหมาะในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเรื่องแผนการที่ว่ามานั้น หากเครมิสยืนยันจะร่วมด้วยเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องขัด ดังนั้นพออีกฝ่ายไม่พูดไม่จาทำให้จิ้งจอกอัคคีที่
แม้กร้านโลกสักเพียงได้ก็ทำได้แค่ยืนรอคำตอบ
“นิววว” ร่างกลมเหมือนลูกบอลสีขาวอันน่าจับมาลองบีบเล่นกระโดดไปอยู่บนหัวของเจ้านายคล้ายต้องการจะปลอบแล้วยืนยัน
ประกาศเสียงดัง “เค้าเชื่อใจเฟรนเสมอนะ นิว~”
สำหรับกุญแจแล้วเจ้านายคือคนสำคัญซึ่งพวกเขาไว้วางใจที่สุด แม้จะต้องเสี่ยงก็ขอร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่มีวันทอดทิ้ง
ใครคนใดคนหนึ่งไปเด็ดขาด หาไม่แล้วจะเป็นประโยชน์อันใดที่พวกเขาต้องออกตามหาผู้ถูกเลือกของตนอย่างขะมักเขม้น
บางคนต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจกว่าจะได้พบคนที่ใช่
ถ้าไม่เชื่อใจ...แล้วจะยอมรับเป็นนายทำไมล่ะถูกไหม
“ทำไมท่านเรย์คุไม่หัดทำตัวน่าเชื่อถือแบบนั้นบ้างนะ...” Kเบย์พูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนเบื้องล่างสุดๆ “พอไม่ใส่ชุดสาว
น้อยเวทมนตร์สุดอลังการแล้วหมดไฟสู้เชียวเหรอ ให้ผมร่ายเวทแปลงกายให้เลยไหมฮรัฟ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยเจ้าแมวจิต!” เรย์คุตวาดใส่ก่อนจะหันไปทางเพื่อนร่วมกลุ่มคนใหม่มาดนิ่งเย็นชาแล้วพูดเสียงดัง
อย่างจงใจ “ฉันเองก็เอาด้วย ไม่กลัวหรอก!”
“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ เพราะอย่างท่านเรย์คุก็มีดีแค่เรื่องไม่รักตัวกลัวตายเท่านั้นแหละ ฮุๆๆ” Kเบย์หัวเราะเสียงหลง
แล้วยืดอกอันไม่ค่อยมีอย่างภาคภูมิ “อย่างนี้ถึงจะสมกับที่เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ของกระผมหน่อย”
เรย์คุเกาแก้มอย่างเก้อๆ เขาคิดว่าสัตว์ประหลาดจอมชวนทะเลาะตัวนี้แอบพูดให้กำลังใจเขากลายๆ จึงยอมปล่อยเลยตามเลย
ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ซ้อมจนเละสักครั้ง
ก็นับว่ามี...ด้านดีกับเขาเหมือนกันนี่
“เรา...” ก่อนที่แต่ละคู่จะเข้าโลกส่วนตัวไปมากกว่านี้เครมิสก็เอ่ยขึ้นตัดบทด้วยสีหน้าร่าเริงเหมือนเคย สลัดคราบเศร้าโศกหมดอาลัยเมื่อครู่ทิ้งเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา “ไม่ว่าจะยังไงก็ขอสู้ตาย ต้องชนะเกมไล่จับนี้ให้ได้!”
พอเห็นคู่หูของตนกลับมายิ้มแย้มได้ไฟร์ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาเห็นสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่สมกับความบ้ายามปกติของเครมิส วินาทีนั้นทำเอาอกของร่างสูงเย็นวาบคล้ายหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อมองนัยน์ตาสีเหลืองทอง
ของคนตรงหน้าซึ่งสั่นระริกจากทั้งความเศร้าและความโกรธ...
โกรธ ‘บาป’ ที่ตัวเองได้เป็นคนก่อไว้ในอดีตอันแสนไกล
แม้จะไม่รู้ว่าเครมิส ดิมอส มังกรบ้าหลุดโลกที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ นั้นเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่เขาก็อยากจะ ‘เชื่อ’ และเดินตาม
เส้นทางที่คนๆ นี้เป็นคนเลือกสรร
เจ้านี่มัน...ทำให้ข้าห่วงอยู่เรื่อย
_-_-_-_-_-_-_-To Be Continue-_-_-_-_-_-_-_
แก้ไขล่าสุดโดย DarkPhoenix เมื่อ Mon Apr 30, 2012 1:45 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
//แอบมาส่อง ไอ้ของรางวัลนั้นมันอะร้ายยย
kor- จำนวนข้อความ : 82
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
ลงแล้วลงอีกได้มั้ยอ่า ถ้าได้ก็ลงอีก =w=
==ขอลงวิจารณ์น่ะ==
วิจารณ์แบบมาราธอน TT
Turn 1
คำเดียวเลยค่ะ...'รั่ว' ฮามากๆเลยค่ะ ^o^ ชอบตอนขึ้นต้น กับหัวซอสมะเขือเทศ =w=
ตัวสะกด การเว้น มีผิดบ้างเล็กน้อย
เนื้อเรื่อง...อืม...รั่วอย่างเดียวจริงๆ =[]= แต่สนุกน่ะ มีแค่บางช่วงที่เรางงๆนิดหน่อยน่ะค่ะ
Turn 2
โดยรวมถือว่าดีค่ะ~ ดำเนินเรื่องค่อนข้างดี โจ๊กเกอร์น่ารัก(?) เกี่ยว?? =w=
สนุกและไหลลื่นดี มีแทรกมุกด้วย อาจมีบางช่วงแปร่งๆบ้าง เหมือนมึมๆอ่ะค่ะ แต่แอบแสบตา 555+
Turn 3
การบรรยายไม่ต้องพูดถึง เห็นภาพ สถานที่ โอเคดี เครมิส ไฟร์น่ารักเหมือนเดิม =w= บู๊นิดๆ รั่วหน่อยๆ
Turn 4
แอบมึนๆงงๆนิดๆในช่วงแรก แล้วก็รู้สึกมันห้วนๆไปหน่อย ปิเอโร่โดนจับง่ายไปนิด แต่ก็เพราะเทิร์นจำกัดด้วยแหละ เหลือเทิร์นสุดท้าย จะยาวไปก็ไม่ดี แค่นี้ก็เห็นว่าหลายตัวอักษรแล้วอ่ะน่ะ =w= เพราะงั้น ถือว่าจบได้ดีแล้วค่ะโดยรวมถือว่าดีน่ะค่ะ สนุกดีด้วย น่ารัก(?) ปิเอโร่โมเอ้~??
ช่างเค้าเถอะ เค้าจะลอยไปหาปิเอโร่~~~~~~~~~~~//อาเมน...
==ขอลงวิจารณ์น่ะ==
วิจารณ์แบบมาราธอน TT
Turn 1
คำเดียวเลยค่ะ...'รั่ว' ฮามากๆเลยค่ะ ^o^ ชอบตอนขึ้นต้น กับหัวซอสมะเขือเทศ =w=
ตัวสะกด การเว้น มีผิดบ้างเล็กน้อย
เนื้อเรื่อง...อืม...รั่วอย่างเดียวจริงๆ =[]= แต่สนุกน่ะ มีแค่บางช่วงที่เรางงๆนิดหน่อยน่ะค่ะ
Turn 2
โดยรวมถือว่าดีค่ะ~ ดำเนินเรื่องค่อนข้างดี โจ๊กเกอร์น่ารัก(?) เกี่ยว?? =w=
สนุกและไหลลื่นดี มีแทรกมุกด้วย อาจมีบางช่วงแปร่งๆบ้าง เหมือนมึมๆอ่ะค่ะ แต่แอบแสบตา 555+
Turn 3
การบรรยายไม่ต้องพูดถึง เห็นภาพ สถานที่ โอเคดี เครมิส ไฟร์น่ารักเหมือนเดิม =w= บู๊นิดๆ รั่วหน่อยๆ
Turn 4
แอบมึนๆงงๆนิดๆในช่วงแรก แล้วก็รู้สึกมันห้วนๆไปหน่อย ปิเอโร่โดนจับง่ายไปนิด แต่ก็เพราะเทิร์นจำกัดด้วยแหละ เหลือเทิร์นสุดท้าย จะยาวไปก็ไม่ดี แค่นี้ก็เห็นว่าหลายตัวอักษรแล้วอ่ะน่ะ =w= เพราะงั้น ถือว่าจบได้ดีแล้วค่ะโดยรวมถือว่าดีน่ะค่ะ สนุกดีด้วย น่ารัก(?) ปิเอโร่โมเอ้~??
ช่างเค้าเถอะ เค้าจะลอยไปหาปิเอโร่~~~~~~~~~~~//อาเมน...
แก้ไขล่าสุดโดย Moose ClouDy เมื่อ Mon Apr 30, 2012 9:07 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
Moose ClouDy- จำนวนข้อความ : 73
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
TURN IV [end turn]
[ลำดับเหตุการณ์:หลงเฟย]
‘ห้องพักเบอร์ 12’
ข้านอนอ่านคู่มือการแข่งขันอยู่บนเตียงเงียบๆ ส่วนแอริสนั้นซุกตัวนอนหลับลึกอยู่ในตะกร้าสานตรงปลายเตียง
เป็นหนึ่งวันที่สงบสุขจริงๆ.........ใช่ซะที่ไหนกัน!
อยู่ๆ แอสคลีปิอุสก็เปิดประตูกระแทกผนังอย่างแรงแล้วเดินเข้ามาดึงข้าให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงฟังเขาพูดอย่างร้อนรน
“หลงเฟย! นี่เจ้าลืมใช่มั้ย!”แอส (ข้าขอเรียกย่อๆ) มองข้าอย่างโกรธๆ นี่ข้าลืมอะไรงั้นหรือ?
“เควสไล่จับปิเอโร่ไง!” อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่าข้าจะถามอะไรเลยชิงตอบก่อน
แล้วแบบนี้ใครกันที่ชอบหาว่าเป็นพวกไม่พูด ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายก็ชิงพูดก่อนข้าจนข้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
“อ๋อ......”ข้าพยักหน้ารับ
ภายในห้องบังเกิดความเงียบชั่วขณะ แอสคลีปิอุสมองข้าเหมือนกับว่าข้าควรจะพูดอะไรต่อจากนี้.....
“เจ้ายังไม่ได้ปิดประตู”ข้าชี้นิ้วไปที่บานประตูที่บัดนี้กระแทกผนังห้องจนน้ำแข็งที่เกาะอยู่โดยรอบเกิดรอยร้าวเป็นทางยาว หวังจากใจว่าแอสจะซ่อมมันให้เหมือนเดิมก่อนกลางคืนจะมาเยือนนะ
“........”จิตวิญญาณแห่งกุญแจจักรราศีนิ่งเงียบ ใบหน้าของแอสดำทะมึนเป็นแถบไปพักหนึ่ง บรรยากาศในห้องดูสงบเงียบจนข้าเริ่มง่วงและเตรียมจะทรุดตัวลงนอน ถ้าไม่ติดว่ามือของแอสยื่นมาดึงแขนข้าอีกครั้ง
“Z……Z……z…..Z……”เสียงประกอบบรรยากาศชวนนอนจากแอริสน้อยในตะกร้า
“เดี๋ยวข้าปิดประตู.......แต่เจ้าต้องไปทำเควสกับข้าก่อนนะ ขอร้องล่ะ”แอสถอนหายใจ มือหนาปล่อยแขนข้าแล้วลูบไล้อลิซไปมาราวกับพยายามระงับอารมณ์บางอย่างที่กำลังจะประทุ
“ข้าว่าป่านนี้ผู้เข้าแข่งขันอีกสามคนน่าจะเริ่มเควสกันไปนานแล้ว”อลิซเลื้อยจากคอแอสมาพันคอข้า ลิ้นของนางเลียแผล็บๆอยู่ที่ข้างแก้มจนข้าจั๊กจี้
“หืม?......”ข้ามองนางเหมือนอยากจะถามว่าเลื้อยมาทำไม ....แต่อลิซพูดไม่ได้ ข้าจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปนอกจากลูบหัวอลิซเบาๆ นัยน์ตาสีแดงของนางมองข้าเร่งๆ
“อลิซอยากให้เจ้ารีบทำเควสให้เสร็จ นางไม่อยากให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นตัดหน้าเอารางวัลที่เจ้าหมายตาไป”ข้าเดาว่าแอสน่าจะพูดภาษางูได้แน่ๆ.......เพราะอลิซผงกหัวสองสามทีก่อนจะเลื้อยกลับไปพันรอบคอแอสเหมือนเดิม
ข้าคิดว่า.....พอตัวเองมาอยู่ไมนัสแล้วชักจะเริ่มเฉื่อยชากับชีวิตประจำวันขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีเย่หลานมาคอยเรียกไปฝึกวิชา......ทำให้รู้สึกเหงาแปลกๆนะว่ามั้ย?
ข้าลุกขึ้นเดินไปออกนอกห้องเงียบๆ แอสที่ไม่คิดจะปลุกแอริสจากฝันหวานเดินตามข้ามาอย่างเรียบร้อย หลังจากเดินออกมานอกห้องเขาก็ปิดประตูเบาๆแล้วหันมาบอกข้า
“ข้าปิดประตูแล้วนะ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงซื่อๆ บอกเป็นนัยว่าที่ตนรับปากอยู่เมื่อครู่ว่าจะปิดประตูนั้น เขาได้ทำตามที่บอกแล้ว
ข้าพยักหน้ารับเบาๆ ในสมองพยายามเค้นหาวิธีจับปิเอโร่
เป้าหมายแรกที่คาดว่าน่าจะเจอเจ้าตัวตลกนั่น น่าจะเป็น.......
“เอ่อ.....นี่เจ้าจะเดินไปไหนน่ะหลงเฟย?”แอสเอ่ยถาม
“ก็.....ห้องนั่งเล่นไง”ข้าตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากเดินมาเกือบสองชั่วโมง ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะพบกับห้องนั่งเล่นที่ปกติข้าจะเดินหาเจอได้อย่างง่ายดายสักที
บรรยากาศที่ปกคลุมทั่วบริเวณเริ่มแปลกไปตั้งแต่ข้าเดินห่างจากห้องของตัวเองมาประมาณ 10 นาที ข้างทางที่น่าจะเป็นห้องพักเรียงไปจนสุดทางก่อนที่จะเดินทะลุห้องโถงและเมื่อตรงไปอีกก็จะพบกับห้องนั่งเล่นของโรงแรม
แต่ทางที่ข้าเดินผ่านมากลับไม่เป็นอย่างทุกครั้ง สองข้างทางประดับด้วยประตูหลากสี มันบิดไปบิดมาตลอดเวลาเหมือนรูปร่างไม่คงที่ พื้นทางเดินที่ควรจะเป็นพรมสีเลือดหมูกลับกลายเป็นพื้นลวดลายประหลาดๆ อาทิเช่น รูปตัวตลกหน้าตาทุเรศ สัตว์หลายชนิดที่มีตามคณะละครสัตว์.....ประดับอยู่บนทางเดินที่ข้าเดินผ่านทั้งสิ้น
“ข้าว่าทางเดินมันแปลกๆนะหลงเฟย”แอสทำหน้าเครียด ข้าจึงหยุดเดินแล้วหนัมามองเชิงถาม
“นี่อาจจะเป็นหนึ่งความสามารถของปิเอโร่......ที่ข้าไม่เคยเห็นเขาใช้มาก่อน...”แอสพึมพำประโยคหลังเหมือนกับไม่อยากให้ข้าได้ยิน แต่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ไม่ได้ยินข้าคงหูหนวกเต็มทน
“เจ้าเอาใบรายละเอียดของเควสมาด้วยหรือไม่?”แอสถาม
ข้าส่ายหน้า
“แล้วแบบนี้จะหาปิเอโร่เจอได้ยังไงล่ะ!”ชายหนุ่มเริ่มลนลาน
“เจ้าเคยอยู่กับเจ้านั่นมาก่อนมิใช่หรือ? เดาทางไม่ได้เลยรึไง”คนแบกงูส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ถึงจะเคยอยู่ด้วย แต่ข้าไม่ค่อยออกมาพบเขาเท่าไหร่”แอสมีสีหน้าจนใจ ก่อนจะเล่าว่า
“จิตวิญญาณกุญแจจักรราศีในอดีตไม่ได้ผลัดกันออกมาในแต่ละเดือนแบบนี้หรอก เพราะปิเอโร่มีพลังมาก เลยสะกดจิตวิญญาณของพวกเราให้หลับใหลและเลือกจิตวิญญาณแค่กลุ่มดาวราศีเดียวออกมาในฐานะจิตวิญญาณประจำกุญแจ และกลุ่มดาวที่ถูกเลือกก็คือ กลุ่มดาวของฝาแฝดเจมิไนอย่างไรเล่า”
“จะบอกว่าถ้าอยากรู้น่าจะถามเอาจากสองแฝดนั่น?”แอสพยักหน้า
ข้าว่าข้าเดินหาแบบนี้ไปเรื่อยๆจะดีกว่า.....
ครึ่กๆ!
เสียงขยับเบาๆของแจกันทำให้ข้าหันไปมองอย่างรวดเร็ว แอสเองก็ตกใจจนสะดุ้งเกือบบีบคออลิซตายคาที่
“มะ.....มี...อะไรอยู่ตรงนั้น....”ชายหนุ่มแห่งกลุ่มดาวเซอร์เพนทาเรียสว่าเสียงสั่น กอดอลิซแน่นจนข้ากลัวว่านางจะขาดอากาศตายจริงๆ
ข้าก้าวเท้าไปหยุดยืนใกล้ๆแจกันใบนั้น พร้อมใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างที่ได้รับมากับดวงตาตั้งแต่เกิดมองทะลุแจกันเข้าไป
ไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่เลย.....ความสามารถนอกคอกของตระกูลแบบนี้......
พลังเวทปริมาณมากพอสมควรอัดอยู่ในแจกัน เป็นพลังเวทที่ข้าคุ้นเคยดีเสียด้วย เพราะมันคือ.......พลังเวทของเจ้าตัวตลกนั่น!!!
นี่อาจจะเป็นกลไลเปิดอะไรสักอย่างของเจ้านั่นสินะ.......ข้ายกแจกันขึ้นมาแล้วก้มหัวลง มองสลักที่อยู่ใต้ฐานแจกันและกดมันลงไป
ทันใดนั้น ผนังข้างที่วางแจกันก็เลื่อนออก เผยให้เห็นช่องทางลับที่ภายในเป็นห้องขนาดใหญ่สีสันแสบตา......
ห้องซึ่งวกไปวนมาหลากสีตั้งแต่ฟ้า แดง เหลือง เขียวไปจนถึงน้ำตาลแก่ ดำ ม่วง น้ำเงิน บางส่วนของห้องเป็นลวดลายตารางหมากรุก ประดับด้วยลายดอกกุหลาบ พื้นห้องเป็นรูป ไพ่คิง แหม่ม แจ็ก โพธิ์ดำแดง และอื่นๆที่มีในรูปแบบของชุดสำรับไพ่ มองแล้วชวนให้รู้สึกปวดหัว แล้วยังประตูเป็นร้อยที่แปะอยู่บนผนังลวดลายแสบตานี่......
แม้แต่เพดานห้องก็ยัง......ข้าพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
“ลองเข้าไปดูมั้ย?”นี่เป็นครั้งแรกของวันที่ข้าเอ่ยถามความเห็นแอส
แอสมองอย่างชั่งใจ
“ขอเวลาข้าทำใจกับลายประหลาดๆนี่สักยี่สิบนาที......แล้วข้าจะตามเข้าไป....”
.....ระหว่างที่ข้าเดินสำรวจห้องลับ.....ที่ดูไม่เหมือนห้องลับนี่.......อยู่ๆเจ้าปิเอโร่ก็เปิดประตูบานหนึ่งออกมาแล้วโบกหมวกทรงแหลมไปมาเป็นเชิงทักทาย
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง......”ใบหน้าสวมหน้ากากเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ มือปลดหน้ากากที่มีดูเฉื่อยชาออกเผยให้เห็น.....หน้ากากอีกชั้นที่แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์!!!
ข้ามองปิเอโร่ด้วยสายตาที่เย่หลานมักจะบอกว่าเหมือนก้อนน้ำแข็งเดินได้
“ข้าเป็นผู้ชาย”นานทีเดียวกว่าข้าจะพูดคำนี้ออกมาได้
ปิเอโร่หลุดขำ
“ผมรู้น่าว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่เรียกคุณผู้หญิงดูจะเหมาะกับคุณมากกว่าเท่านั้นเอง”ตัวหลกหัวเราะเสียงดัง
“วันนี้ข้าต้องจับเจ้าให้ได้....”ข้าเอ่ยไร้โทนเสียง คำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นแล้ว.......กลิ้งตัวหัวเราะ?!
กว่าปิเอโร่จะหยุดหัวเราะได้ก็กินเวลาไปหลายนาที
“งั้นทำไมตอนนี้ไม่พุ่งเข้ามาจับตัวผมเลยล่ะครับ”ตัวตลกหนุ่มยันตัวขึ้นจากพื้น แล้วลอยตัวนั่งขัดสมาธิในอากาศดูน่าทะเล้น
ข้าไม่ตอบ แค่ปรายตามองอีกฝ่ายนิ่งๆจนปิเอโร่เอ่ยย้ำอีกครั้ง
“ผมจะถามอีกครั้ง ทำไมไม่จับตัวผมเลยล่ะ?”ว่าพลางเอียงคอ มือของปิเอโร่ดึงหน้ากากหน้ายิ้มออก คราวนี้หน้ากากอีกชั้นที่เผยออกมาเป็นใบหน้าบูดบึ้ง
ถามสองครั้ง.......ข้าควรจะตอบสินะ?
“เพราะเจ้า.....ไม่ใช่ปิเอโร่ตัวจริงนี่”เป็นอีกครั้งที่ตัวตลกหัวเราะเสียงดัง
“เดาได้เก่ง........ทำไมถึงรู้ล่ะครับ”
“เพราะพลังเวทของเจ้า......ไม่เหมือนตอนที่เจอครั้งแรก”ข้าตอบ
“บางทีคนที่คุณผู้หญิงเจอครั้งแรกอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้นี่ครับ”ปิเอโร่ตัวปลอมเถียงเสียงใส
ข้าเงียบ.......ที่จริงนอกจากดูปริมาณพลังเวทของอีกฝ่ายแล้วข้ายังดูการกระทำของเจ้าตัวตลกนี่ด้วย มันเหมือนตั้งใจจะล่อให้ข้าเข้าไปจับเพื่อให้แผนการบางอย่างที่มันวางไว้สำเร็จ
“เอาเถอะ ผมไม่คิดจะถามต่อแล้วล่ะ.....”แล้วจะบอกทำไม
“เดินตรงไปข้างหน้า.........หรือจะใช้เวทบินไปก็แล้วแต่คุณ ที่นั่นคุณจะพบตัวจริงของผมกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลือ”ตัวตลกชี้ไปทางซ้ายมือของเขา หรือให้ถูกก็คือ ทางด้านหน้าที่ปิเอโร่พูด
“อ้อ ไม่ต้องห่วงว่าแอสคลีปิอุสจะตามคุณไม่ทันหรอกนะครับ เดี๋ยวผมแปะป้ายบอกทางไว้ให้เขาเอง”
แล้วตัวตลกก็เลือนหายไป
ข้าไปตามทางที่ปิเอโร่ตัวปลอมบอก โดยไม่ลืมใช้ยันต์ล่องหน (ไม่ใช้พลังเวท ขืนใช้ข้าก็ตายพอดี) ที่พกติดตัวมาจากแดนสิ้นคืนป้องกันว่าเจ้าปิเอโร่นั่นจะหลอกให้ข้าไปเจอกับดักอะไรแปลกๆ
สักพักก็เจอจนได้ สี่คนที่น่าจะเป็นผู้เข้าแข่งขันกับตัวประหลาดอีกสองตัว.......สี่คน? หนึ่งในนั้นคงเป็นกุญแจแปลงร่างเอาสินะ
กลุ่มสิ่งมีชีวิตส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเชิงปรึกษาว่าจะหาทางจับปิเอโร่ตัวจริงยังไง ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะดูเหมือนเด็กตีกันมากกว่าก็ตาม
จิตใต้สำนึกที่นานๆทีจะคิดอะไรแปลกๆสักครั้งสั่งให้ข้าเข้าไปร่วมกลุ่มกับพวกนั้น
ข้าคลายคาถายันต์เมื่อเดินไปหยุดใกล้ๆกลุ่ม
“จะว่ามีก็ได้.......”
บางที.....แสร้งแสดงสีหน้าบ้างก็ดี........เย่หลานมักจะบอกเสมอว่าหน้าข้าเวลาพูดกับคนอื่นไม่ว่าจะอารมณ์ไหน ใบหน้าก็ไม่ขยับตามอารมณ์สักนิด แล้วแบบนี้คนอื่นจะรู้ได้ยังไงว่าข้าคิดอะไรอยู่....
.
ทำไมต้องให้คนอื่นรู้ด้วยนะว่าคิดอะไรอยู่? ข้าไม่เข้าใจน้องสาวคนนี้จริงๆ
[ลำดับเหตุการณ์:ไรเตอร์]
“แผนที่คุณบอกยังมีข้อบกพร่องอีกหนึ่งจุดนะครับคุณหลงเฟย จุดศูนย์กลางในการส่งคลื่นเวทมนตร์เราจะหามันเจอได้ยังไงครับ?”ชายหนุ่มผู้สองสี ‘เฟรน เชอร์เรย์’ ถามอย่างสุภาพ
“ข้าจะหามันเอง”หลงเฟยตอบ
เรย์คุโวยแย้งเสียงแข็ง นัยน์ตาสีฟ้าเข้มฉายแววโทสะ
“อย่างนายเนี่ยนะ! จะหาไอ้จุดส่งสัญญาณอะไรนั่นเจอ!! เหอะ! ไม่มีทาง!!!”แถมคำพูดดูถูกมาในประโยคนิดหน่อย.....
“จุดศูนย์กลางในการส่งคลื่นเวทมนตร์ ไม่ใช่ ‘จุดส่งสัญญาณ’ แบบสัญญาณวิทยุ”แอสคลีปิอุสช่วยแก้
เรย์คุหันไปมองค้อนจิตวิญญาณกุญแจแห่งจักรราศีหนึ่งที สร้างความเหนื่อยใจให้แก่ผู้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างหลงเฟยกับเรย์คุอย่างเฟรนมากพอดู
ส่วนมังกรไฟอย่างเครมิสน่ะหรือ ตอนนี้ดูฉากการโต้เถียงอย่างสนุกสนาน ร้อนถึงไฟร์ต้องเอ่ยดุให้คู่หูตั้งใจฟังเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆตรงหน้า
“เจ้าบ้า! ตั้งใจหน่อยสิ! ไม่อยากชนะในเควสนี่รึไง!”ไฟร์แหวเสียงเขียว
“ชนะอะไรหรอ? เกมนี่แค่วิ่งไล่จับกันเองนี่นา.....ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย....”เครมิสเอียงคออย่างน่ารัก
“ว่าแต่..ซีเรียสคืออะไรน้า? กินได้รึเปล่า?”เหมือนได้ยินเส้นประสาทของคู่หูมังกรไฟกระตุกครั้งสุดท้ายก่อนจะปริแตก.....
จิ้งจอกเพลิงนวดขมับ อารมณ์ห่วงใยอีกฝ่ายเมื่อครู่สลายไปไม่มีเหลือ
หมันไส้ชะมัด!!!!! ไอ้ผู้ชายหน้าหญิงนี่(?!) ผมสีฟ้าเหมือนเยลลี่รสบลูเบอร์รี่ผสมผงน้ำตาล25% นุ่มสลวยแต่ดันไม่รวบเก็บให้ดี ปล่อยให้ยาวสยายท้าทายลมอยู่นั่นล่ะ! ถ้าเลอะหยากไย่ขึ้นมาจะเห็นชัดเลยนะ!!! สกปรกจะตาย!! อ๊าก!!!!!! อยากช็อกน้ำลายฟูมปาก! แล้วยังเสื้อที่ดูรุ่มร่ามเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้นั่นอีก......จะวิ่งตามเจ้าปิเอโร่ยังไม่ทันเลยด้วยซ้ำ!! แล้วยังมามองฉันด้วยดวงตาสีม่วงพวงองุ่นบดในครกผสมน้ำ55%แบบสมเพชกันอีก........เว้ย!!!!! น่าจับตื๊บให้สะใจสักยก!!!! ไม่น่ารักเหมือนสาวน้อยโพนี่เทลล์โมเอะโลลิเตี้ยแบนแว่นเลยให้ดิ้นตาย!!!!
เอ่อ....นี่ตรูคิดบ้าอะไรอีกฟระเนี่ย!
เรย์คุทึ้งหัวตัวเองจนฟูฟ่องกว่าเก่า
“เป็นบ้าขึ้นมารึไง?”หลงเฟยถามเสียงเย็นชา
“เปล่า!!!”คู่สนทนากระแทกเสียง
“ค่อยๆพูดกันดีกว่านะครับ”เฟรนพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“หึ! จะคุยอะไรก็เร็วๆสิ ฉันอยากจะให้เรื่องมันจบเร็วๆจะตายอยู่แล้ว!”
“ว่าไงครับคุณหลงเฟย เราจะหาจุดส่งคลื่นเวทมนตร์ได้ยังไครับ?”ชายหนุ่มผู้ดูสุภาพเรียบร้อยและปกติที่สุด (?) เอ่ยถาม
“ข้ามองเห็น....คลื่นพลังเวทที่ถูกส่งออกมา......”แล้วชายหนุ่มก็หยุดพูดไปซะเฉยๆ นัยน์ตาสีม่วงสดหันไปมองแอสคลีปิอุสประมาณว่าให้อีกฝ่ายตีความให้เฟรนฟังต่อเอง
“อ้อ! อย่างนี้นี่เอง.....ถ้าเดินย้อนตามทางที่เจ้าเห็นคลื่นถูกส่งออกมา ก็จะเจอจุดศูนย์กลางมันสินะ”ไฟร์พูดแทนแอสคลีปิอุสเสร็จสรรพ ซึ่งหลงเฟยก็พยักหน้าตอบรับ
“งั้น....บอกทางมาเล้ย!”เครมิสว่าเสียงสดใส ใบหน้าฉีกยิ้มสว่างไสว
มือเรียวชี้ไปทางด้านหลังเรย์คุ นัยน์ตาสีม่วงเหมือนมีประกายบางอย่างแวบผ่านก่อนจะบอก
“ทางนั้น....ตรงไปจนสุด....”ยังไม่ทันที่หลงเฟยจะต่อประโยคให้จบ มังกรไฟก็คว้าตัวทุกคนแล้วยันตัวกับผนังประตูด้านหลังตัวเอง และดีดตัวด้วยความแรงขั้นสูงสุดลอยเป็นจรวดโปรเจ๊คไทม์ที่ไม่มีแนวการตกกระทบพื้นไปยังทิศทางที่พาร์ทเนอร์ของตนชี้ โดยที่มือด้านซ้ายหิ้วเฟรน ด้านขวาหิ้วแอสคลีปิอุส ส่วนเรย์คุเกาะอยู่บนหลัง
ไฟร์โบกมือหย็อยๆเป็นเชิงว่าเดี๋ยวเหาะตามไป เขาไม่อยากลองใช้บริการมังกรไฟไม่เต็มเต็งผู้เป็นเจ้านายเลยแม้แต่น้อย
Kเบย์ที่หยุดพูดไปนานชักคันปาก ตะโกนบอกระหว่างที่เครมิสพาพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสูงสุด
“ถ้าไปถึงจุด.......ศูนย์......จะ.....สาวน้อย.....มนตร์....ฮรัฟ!!!”อนิจจา...เสียงหวีดหวิวของอากาศกลบเสียงของKเบย์จนหมด ทำให้เรย์คุไม่รู้ถึงภัยอันตรายที่แสนจะน่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองในไม่ช้า...อาเมน....
ทางด้านเฟรน เชอร์เรย์ที่ถูกเครมิสหิ้วปีกไว้ทางซ้าย รู้สึกอยากจะอ้วกและเป็นลมกะทันหัน สายการบินมังกรไฟแอร์เอเวย์กำลังทำให้เขาคิดว่าตัวเองจะอายุสั้นลงไปสี่ปี อาหารที่ซัดไปในช่วงก่อนหน้านี้แทบจะขย้อนออกมากองตรงหน้าอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังพยายามฝืนปิดปากแน่น และกลืนสิ่งที่จะขย้อนออกมาด้วยความรันทด ท่องในใจซ้ำไปซ้ำมา.........เพื่อไม่ให้โลกมีมลพิษเพิ่ม เขาจะต้องอดทนไม่อ้วกออกมาให้เป็นมลพิษทางกลิ่น รวมถึงเป็นมลพิษสิ่งแวดล้อมเด็ดขาด! ครั้งหน้าเขาจะไม่ขอใช้บริการสายการบินมังกรอีกแล้ว! ไม่ ไม่.....จำเพาะเจาะจงว่าสายการบินมังกรนาม เครมิส ดิมอสเลยดีกว่า!!!
แอสคลีปิอุสอุ้มหลงเฟยในท่าอุ้มเจ้าสาว ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะคิดว่า แอสคลีปิอุสอุ้มดีกว่าใช้บริการมังกรไฟตรงๆ มันอาจจะทำให้เขาตาลายและหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ
ชายผ้าคลุมของแอสคลีปิอุสถูกหิ้วเหมือนปลอกคอด้วยมือของเครมิส จิตวิญญาณของกุญแจแห่งจักรราศีพยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดไม่ให้เจ้านายเป็นห่วง ทั้งๆที่ความเป็นจริงเขาอยากจะตะโกนบอกเครมิสใจจะขาดว่าให้ปล่อยเขาลง แล้วเขาจะไปสมทบทีหลัง ต่อให้ต้องคลานไปเขาก็จะไปพบตามที่นัดหมายแน่นอน!
ทัศนียภาพโดยรอบที่ลายตาอยู่แล้วชวนให้เวียนหัวมากยิ่งขึ้นยกกำลังสาม แสงสีแสบสันดูละลานตาจนสมองเขาหมุนเป็นวงเวียนใหญ่กลางทะเลสาบแคสสิโอเปียนใกล้คาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน.....หรืออะไรก็แล้วแต่......ช่างมัน....แอสคลีปิอุสหลับตาปี๋เพื่อไม่ให้มองสีสันที่ว่าจนตาลายและหมดแรงอุ้มเจ้านาย
เฟรนว่าหนักแล้ว.....แอสคลีปิอุสหนักกว่า......แต่เรย์คุหนักที่สุด!
หนุ่มน้อยฉายาสาวน้อยเวทมนตร์คล้องแขนรอบคอเครมิส แอบบีบคอมังกรไฟด้วยแรง3,000 นิวตันเพราะความกลัวว่าจะตกจากหลังมังกรเป็นคนแรก หรือไม่ก็อ้วกเป็นออฟชั่นพิเศษบนหัวเครมิสด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สากับความน่ากลัวของสายการบินเครมิสแอร์เอเวย์ของตัวเองเลยสักนิด และยังคงบินด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่อไป.....
สามนาทีต่อมา.....
“ที่....นะ....นี่...หรอ...แอว๊กกกกกกกกก”เรย์คุถามอย่างหมดสภาพ เขาอยากจะอ้วกให้มันหมดกระเพาะแล้วเข้านอนจริงๆให้ตาย
“นะ....น่า....จะ...ใช่....คะ...ครับ.....”เฟรนพูดเสียงสั่น ขาเขาทรงตัวแทบไม่ได้ ที่ยืนแบบเป๋ๆได้ก็บุญโขแล้ว
หลงเฟยลงจากอ้อมแขนของคนแบกงูแล้วช่วยอลิซลูบหลังแอสคลีปิอุสที่กำลังอ้วกแบบไม่มีอะไรออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อะไรกันๆ แค่นี้ก็จะเป็นลมกันหมดแล้วหรอ”เครมิสหัวเราะสดใส
“เราว่านี่ยังเบาะๆเอง ครั้งก่อนยังใช้ความเร็วและแรงมากกว่านี้อีกนะ”ไฟร์ที่ตามมาทีหลังตบหน้าผากตัวเองอย่างหน่ายใจทันทีที่ได้ยินเครมิสว่าอย่างนั้น
“ตามที่เมื่อกี้เรย์คุรับปากนะฮรัฟ คุณจะกลายร่างเป็นสาวน้อยเวทมนตร์สักที เย้!”Kเบย์ยิ้มยีฟัน มันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างล้อมตัวเรย์คุจนมองไม่เห็นเจ้าตัว เมื่อแสงที่ว่าหายไป เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกด้วยเนคไทก์สีแดง กางเกงสีดำก็กลายเป็นชุดกระโปรงโลลิต้าสีชมพูฟูฟ่อง มีสัญลักษณ์นางพยาบาลบนชุด และใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาด
“ว๊ากกกกกกกกกกกก”สาวน้อยเวทมนตร์ (?) กรีดร้องเสียงทุ้ม มือหนาพยายามทึ้ง ดึง กระชาก เสื้อสาวน้อยโลลิออกจากร่าง แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด ชุดที่เกาะหนึบเหมือนกาวตราช้างยังคงอยู่ในสภาพดีทุกประการ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยอาการแตกต่างกันไป คนหนึ่งเย็นชาเป็นน้ำแข็งขั้วโลกอุณหภูมิติดลบ 2,000 องศาเซลเซียส อีกหนึ่งมังกรปรบมือหัวเราะชอบใจพร้อมออกปากชมว่าน่ารัก ส่วนคู่หูมังกรมองชุดโลลิด้วยสายตาปูเลี่ยนๆอย่างคาดไม่ถึงว่าหนึ่งในผู้เข้าร่วมแข่งขันจะมีคนไม่เต็มมากกว่าเครมิส
แอสคลีปิอุสลูบหัวอลิซที่แยกเขี้ยวขู่สาวน้อยเวทมนตร์เรย์คุ ส่วนตัวชายหนุ่มเองพยายามกลั้นชำสุดฤทธิ์ และผู้ชมสุดท้ายอย่างเฟรน เชอร์เรย์ ที่เบิกมองเรย์คุอย่างตะลึงผสมอึ้งทึ่งสยิว! ร้อนถึงนิวตินต้องกระซิบเรียกสติที่กำลังจะหลุดลอยของเจ้านาย
“นิว.......จุดส่งคลื่นเวทมนตร์ล่ะเฟรน นิวววววว”คำคำนั้นเรียกสติที่กำลังจะหลุดจริงๆของชายหนุ่มได้ชะงัด
เขามองตรงไปยังแผงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งเสียงปิ๊บๆเป็นพักๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ แผงควบคุมกลับกระพริบแสงสีละลานตาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายิ่งกว่าหลอดนีออน!
“เนี่ยหรอ......”
ช่างเป็นลักษณะศูนย์กลางการส่งคลื่นเวทมนตร์ที่ดู.....น่าตลก.....
เสาอากาศชูบานเป็นจานดาวเทียม แสงสีเขียว แดง ม่วง เหลือง สลับกระพริบเป็นช่วงๆไปตามเสาส่งสัญญาณ ดูแล้วน่าจะเหมือนอุปกรณ์ที่อยู่ในห้องของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องซะมากกว่า!
อาการพะอืดพะอมของทุกคนรวมถึงอาการสติแตกของสาวน้อยเวทมนตร์นามเรย์คุหยุดชะงักเมื่อมองเห็นเสาที่ว่า.....
“รสนิยมแย่.....”หลงเฟยวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ
“สีสันแสบลูกตา”เรย์คุเอ่ยเสริม
“เหมือนเจ้าของสติไม่ค่อยถึงสลึงนะครับ”เฟรนต่อเสียงนุ่ม
“น่ากินอ่ะ ไอ้แท่งๆแผงๆนี่กินได้รึเปล่า?”ความเห็นที่แตกต่างออกไปในเชิงบวกของเครมิสทำให้เจ้าตัวตกเป็นเป้าสายของทุกชีวิตทันที
“มันกินได้ที่ไหนกัน! ขืนเจ้ากินก็ท้องเสียตายน่ะสิ!!!!”ไฟร์กระฟัดกระเฟียด อยากจะเพ่นกบาลมังกรใจจะขาด
“แต่มันน่ากินจริงๆนี่นา.....”มังกรน้อยนั่งยองๆเอานิ้วจิ้มๆวนกับพื้น
“เราอยากกิน~~”ใบหน้าใสบีบน้ำตาคลอหน่วย เล่นเอาเฟรนทำตัวไม่ถูก ถลันตัวเข้าไปปลอบก่อนที่ไฟร์จะปลอบซะอีก
“มันไม่อร่อยหรอกนะครับ รสชาติก็แหยะปากมากด้วย ไว้เดี๋ยวออกจากห้องนี้ไปค่อยไปกินอาหารที่ห้องอาหารดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มผิวสองสียิ้มบางๆ
“ที่ห้องอาหารจะต้องมีของกินที่อร่อยกว่านี้แน่ๆครับ”
“จริงนะ?”เมื่อคำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้า เครมิสก็กระโดดเหย็งๆอย่างมีความสุข ร้องเพลงฮึมฮัมจับใจความได้ว่า ของกินจ๋า เดี๋ยวเราจะไปหาเธอแล้วซัดให้เกลี้ยงเลย ตะลาล่า~
“จะเอายังไง?”เรือนผมสีฟ้าสะบัดเบาๆโดยเจ้าตัวเพราะอากาศใกล้แผงควบคุมร้อนมากเกินไป
“คงต้องทำลายทิ้งล่ะครับ”เฟรนหันมาบอก
“แค่ทำลายใช่มั้ย!? ได้! เดี๋ยวฉันจัดให้!!!”เรย์คุถกแขนเสื้อชุดโลลิต้า ทำท่าหาเรื่องแบบกุ้ยเต็มที่
“นีโออาร์มสตรอง ไซโคลนเจ็ตอาร์มสตอง ซูเปอร์สปินคิกอาร์มสตรอง! เรียกย่อๆว่าท่าเตะ สำแดงพลัง ย๊ากกกกกกกกก”แอบได้ยินเสียงปิเอโร่ถุยใส่ดังออกมาจากที่ซ่อน
สาวดุ้นนักเวทโลลิ (ตั้งฉายาให้ใหม่) แสดงท่าเตะทรงพลัง!!!!.....ขนาดเตะแผงควบคุมเซแซดๆและล้มตึงกับพื้น
แผงอุปกรณ์ที่แสงสีกระพริบวิบวับกระพริบยิ่งกว่าเดิม และพูดอัตโนมัติด้วยเสียงระบบซาวน์แท็กว่า
“ข้อมูลเสียหาย พลังเวทรั่วไหล กรุณาออกจากบริเวณนี้......อิฉัน เอเอชสตาร์กากๆ อัลตร้าเอ๊กซ์เม็นรุ่นหกสี่สอง กำลังจะปิดระบบสติสัมปัญโน โอ โอ~ และเปิดระบบทำลายตัวเองค่า”
“เฮ้ย!”ไฟร์ร้องเสียงหลง
“เอายังไงดีอ่า....เมื่อกี้เจ้าตัวนี้มันบอกว่ายังนะ? อีโอโนมีนี่สะโตมาต้าอีโคโนอีม่าเท็กออฟหกสามสี่สี่สี่ จะปิดระบบดมกลิ่นอาหารและเปิดระบบสลีฟให้หัวตีบตัน?”เครมิสขมวดคิ้วน้อยๆ
หลงเฟยหน้าตึงกับคำพูดของเครมิส ประโยคที่แทบไม่เหลือเค้าเดิมมันช่างชวนให้ระบบประสาทอันโนมัติทำงานโดยการเตะขาใส่มังกรไม่เต็มเต็งยิ่งนัก
“ทำการระเบิดตัวเองฮร้า~ 5……4……2…….10……6…..9…..3…..”เป็นการนับเลขที่ชวนให้เหน็บกิน เฟรนกุมขมับ
“ถอยออกมาจากตรงนั้นสิครับ! ยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกันทำไมเล่า!”ตัวตลกที่ไม่รู้ซ่อนอยู่แถวไหนโผล่ออกมาดึงตัวหลงเฟยและเรย์คุที่ยืนอยู่ใกล้แผงควบคุมศูนย์กลางส่งคลื่นเวทมนตร์ออกมายืนอยู่ข้างๆเครมิสและไฟร์ที่ดีดตัวออกห่างมาไกลพอสมควรแล้ว
ส่วนเฟรน ที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างแอสคลีปิอุสก็พลันได้สติ รีบลากแขนคนแบกงูพลางหิ้วKเบย์ที่เอาแต่ร้อง ฮรัฟๆๆเหมือนระบบประสาททำงานขัดข้องออกมาไกลจากที่เกิดเหตุแล้วล้มตัวลงนอบราบกับพื้น
บรึ้ม!!!!!!!!
แผงควบคุมระเบิดเป็นชิ้นเล็กชื้นน้อย ชิ้นส่วนลอยกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ทันใดนั้น บรรยากาศแสงสีของห้องลับปิเอโร่ก็ปิดฉากลง.....กลับกลายเป็นห้องลับที่มืดสนิท.....จริงๆ.....
ปิเอโร่ที่เพิ่งระลึกตัวได้ว่าเผลอดึงตัวผู้เข้าแข่งขันสองคนออกมากำลังจะรีบปล่อยมือทั้งสองและชิ่งหนี....แต่ถูกขัดขวางโดยไฟร์และเครมิสที่ยืนดักอยู่แล้ว และมือทั้งสองข้างที่ดึงหลงเฟยและเรย์คุ กลับโดนทั้งคู่จับและบีบแน่นราวกับชาตินี้จะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!
มือของมังกรไฟวันซะรุ่นบีบลงที่ไหล่ซ้ายของปิเอโร่ดับกรึบ! คาดว่า....กระดูกแขนของตัวตลกคงจะหักแน่แล้ว.....แม่นแท้เหลาเน้อเครมิส.....
ไหล่ที่รอดพ้นจากมือมังกรอีกข้างถูกกดน้ำหนักด้วยมือของผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย เฟรน เชอร์เรย์
“สิ้นสุดการทำเควส.....พวกผมชนะแล้วนะครับ คุณปิเอโร่”เฟรนยิ้มสง่างาม
“โอเคๆ ผมยอมแพ้แล้วก็ได้ครับ.......”ปิเอโร่หัวเราะแห้งๆ ปากพึมพำเวทขมุบขมิบ ทุกคนก็ถูกเวทเคลื่นย้ายพาตัวมาที่จุดรับเควสทันที
“สิ้นสุดเควส...ดีใจที่ทุกคนร่วมมือกันจับปิเอโร่ได้นะครับ”ซีโร่ สวอนโร้ค เจ้าของโรงแรมไมนัสเผยรอยยิ้มหล่อกระชากใสเสือสมิงยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์ ในมือของชายหนุ่มถือกระป๋องสเปรย์ยื่นให้ทั้งสี่คน
“ดีใจที่ได้ร่วมเล่นสนุกกับทุกคนนะครับ”ตัวตลกหัวเราะน้อยแล้วค่อยจางหายไป คาดว่าคงจะไปรักษาไหล่ที่ถูกเครมิสบีบจนเกือบแหลกก่อนแน่ๆ
“แค่นี้ใช่มั้ย....”หลงเฟยเอ่ยเสียงเย็นเยียบ หยิบกระป๋องสเปรย์แล้วสะบัดผมเดินกลับไปห้องพักของตัวเอง
แอสคลีปิอุสวิ่งตามแทบไม่ทัน
“ลาก่อนนะทุกคน หวังว่าโอกาสหน้าจะได้ร่วมงานกับพวกเจ้าอีกนะ”ก่อนไปยังไม่ลืมทิ้งท้าย
เรย์คุโบกมือส่งๆเหมือนจะไล่ แล้วหันมาเค้นคอKเบย์ด้วยท่าทางเคียดแค้น
“ทำให้ฉันกลับเป็นแบบเดิมเดี๋ยวนี้!”Kเบย์ที่เอื้อมมือไปรับกระป๋องสเปรย์แทนเจ้านายสะดุ้งเฮือ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้วรีบกลิ้งหนีไปห้องพัก กะว่าจะให้เรย์คุใส่ชุดโลลอีกสีกคืน ฮุฮุ
เฟรนยิ้มน้อยๆเมื่อรับสเปรย์มา หันมาบอกเครมิสอย่างสุภาพว่า
“เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องลับ ผมชวนคุณไปห้องอาหาร....”ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรคให้นิวตินต่อประโยคแทน
“จะไปกินอาหารด้วยกันมั้ย นิว~”
เครมิสพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี มือรีบคว้าตัวเฟรนและไฟร์ พุ่งตัวไปที่ห้องอาหารด้วยความเร็ว 333 กิโลเมตรต่อวินาที.......
THE END
แก้ไขล่าสุดโดย RUMINA เมื่อ Sun Apr 29, 2012 10:25 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
จะมี 3 เควสจ้า ตามที่พี่ทราบบอกนะ =w=
และพวกเรามีกัน 11 คน (รวมคนที่เพิ่มมา)
เพราะงั้นมีได้แค่คนเดียวเท่านั้นที่ลงซ้ำได้ ไม่งั้นจะได้เล่นกันไม่ครบเน้อ =w=
นอกจากพี่ทราบจะคิดเควสเพิ่ม
และพวกเรามีกัน 11 คน (รวมคนที่เพิ่มมา)
เพราะงั้นมีได้แค่คนเดียวเท่านั้นที่ลงซ้ำได้ ไม่งั้นจะได้เล่นกันไม่ครบเน้อ =w=
นอกจากพี่ทราบจะคิดเควสเพิ่ม
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
โอเคค่า....ตกลงถ้าเป็นสามเควส....งั้นขอเอาหลงเฟยมาลงเควสนี้เลยแล้วกันค่ะ
หลงเฟย//แอบดีใจ
เวลาแต่งเควสต้องทำยังไงหรอคะ=w= หนูไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกเทิร์นอะไรแบบนี้(ไม่เคยเล่นเกมออนไลน์ เลยงงอ่า...)
หลงเฟย//แอบดีใจ
เวลาแต่งเควสต้องทำยังไงหรอคะ=w= หนูไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกเทิร์นอะไรแบบนี้(ไม่เคยเล่นเกมออนไลน์ เลยงงอ่า...)
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
คนแรกคือ เซมิจัง
คนสอง เฟรน
คนสามอาย
คนสี่...
เครมิสรายงานตัวขอลงด้วยเน้อ =w= อยากไล่จับปิเอโร่
เอ่อ หรือว่ามูสจะลงอะ แต่เห็นมูสลงอีกเควสแล้ว แล้วพี่ทราบเขาเตรียมเควสมาพอดีคน 11 คนเป๊ะด้วย =w="
คนสอง เฟรน
คนสามอาย
คนสี่...
เครมิสรายงานตัวขอลงด้วยเน้อ =w= อยากไล่จับปิเอโร่
เอ่อ หรือว่ามูสจะลงอะ แต่เห็นมูสลงอีกเควสแล้ว แล้วพี่ทราบเขาเตรียมเควสมาพอดีคน 11 คนเป๊ะด้วย =w="
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
DarkPhoenix พิมพ์ว่า:คนแรกคือ เซมิจัง
คนสอง เฟรน
คนสามอาย
คนสี่...
เครมิสรายงานตัวขอลงด้วยเน้อ =w= อยากไล่จับปิเอโร่
เอ่อ หรือว่ามูสจะลงอะ แต่เห็นมูสลงอีกเควสแล้ว แล้วพี่ทราบเขาเตรียมเควสมาพอดีคน 11 คนเป๊ะด้วย =w="
ขอเปลี่ยนมาลงเควสนี้ได้มั้ยอ่า
Moose ClouDy- จำนวนข้อความ : 73
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
แต่มันครบคนแล้วนะมูสจัง = ="
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
DarkPhoenix พิมพ์ว่า:แต่มันครบคนแล้วนะมูสจัง = ="
TT งั้นไม่เป็นไรค่ะ
Moose ClouDy- จำนวนข้อความ : 73
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
ตกลงสรุปใหม่
เซมิ เรย์คุ
เฟรนด์ เฟรน
แพร เครมิส
อาย (ชื่อไรหว่า = =")
เซมิ เรย์คุ
เฟรนด์ เฟรน
แพร เครมิส
อาย (ชื่อไรหว่า = =")
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
DarkPhoenix พิมพ์ว่า:ตกลงสรุปใหม่
เซมิ เรย์คุ
เฟรนด์ เฟรน
แพร เครมิส
อาย (ชื่อไรหว่า = =")
หลงเฟยค่า
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
ครบแล้วหรอQwQ
Blackless- จำนวนข้อความ : 34
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
เทิร์นแรกค้างสุดๆค่า.........ต้องแต่งให้ร่วมมือกันครบสี่คนสิน้า=w=
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
อย่างน้อยก็ให้เจอเฟรนแล้วนะท่าน 555
รอท่านเฟรนมาต่อเทิร์นให้เจอคนอื่นต่ออีก=w=/
รอท่านเฟรนมาต่อเทิร์นให้เจอคนอื่นต่ออีก=w=/
Zetsubou Semi- จำนวนข้อความ : 74
Join date : 25/04/2012
Age : 27
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
กลัวแต่งได้ไม่ไดีจังค่ะT^T แค่อินโทรเรายังลบแก้ไปหลายรอบ;-;
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
สู้เค้าท่านอาย;w;/
ทางนี้ก็ยังแต่งไม่ค่อยเก่งorz.. ยังต้องไปหัดอีกเยอะ
ทางนี้ก็ยังแต่งไม่ค่อยเก่งorz.. ยังต้องไปหัดอีกเยอะ
Zetsubou Semi- จำนวนข้อความ : 74
Join date : 25/04/2012
Age : 27
RUMINA- จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
รู้สึกรอบนี้มุกมันแป้กๆ..orz..
อ๊ากก //วิ่งไปอ่านคุโรมาตี้(!?) เพิ่มสกิลบั่นทอนปัญญา
อ๊ากก //วิ่งไปอ่านคุโรมาตี้(!?) เพิ่มสกิลบั่นทอนปัญญา
Zetsubou Semi- จำนวนข้อความ : 74
Join date : 25/04/2012
Age : 27
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
มาวิจารณ์เน้อ
ในส่วนของคำผิด กรุณาจิ้มที่มันเขียนว่า spoiler นะคะ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในส่วนของเนื้อหา
ชอบการบรรยายสีผมมะเขือเทศจริงๆ ทำให้เรื่องดูมีสีสันดีค่ะ เป็นการบรรยายแบบไม่ต้องหรูแต่เน้นฮา
ซึ่งไม่ได้มีกฎบัญญัติข้อไหนกำหนดว่าห้ามทำแบบนี้ เพราะงั้นจัดเต็มค่ะ!!
เรื่องบรรยายอาจต้องอ่านทวนเยอะๆ ยังมีบางจุดที่แปลกๆ และเรื่องคำซ้ำ (จากที่เราขีดฆ่าในรูปด้านบน) ต้องสังเกตว่าในประโยคนึงมันอยู่ใกล้กันแล้วซ้ำไหม
บางอย่างตัดได้ก็ตัด บางอย่างตัดไม่ได้ก็ช่าง เช่นคำว่า ผม บางตอนมันตัดได้
อีกเรื่องคือการแบ่งประโยค บางครั้งมันไม่จำเป็นอยู่ในลักษณนี้
"...........(บทพูด).........." [..............บทบรรยาย..............]
หรือ
[..............บทบรรยาย..............] "...........(บทพูด).........."
บางครั้งมันอาจเป็น
"...........(บทพูด).........." [..............บทบรรยาย..............] "...........(บทพูด).........."
ซึ่งเราคาดว่าท่านคงรู้อยู่แล้ว แต่มาดูในทางปฏิบัติกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่าง
อันเดิม
“อ่า..ผม เฟรน เซอร์เรย์ครับ ขอโทษที่เข้าใจผิดไปเมื่อกี้”เขายิ้มบางๆด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมามาจับมือผม
ลองแก้
“อ่า...ผม เฟรน เซอร์เรย์..." เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะจับมือผมแล้วยิ้มแหยๆ คล้ายรู้สึกผิด "เมื่อสักครู่ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกตัวอย่างนึง
อันเก่า
“คุณ…? ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา แปลกจัง..ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย”เขาพึมพัมด้วยความสงสัย
อันแก้
"คุณ...ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา" เขาเผยสีหน้าแปลกใจก่อนจะปล่อยมือที่จับอยู่แล้วพึมพำด้วยความสงสัย "แปลกจัง ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย"
ตัวอย่างพวกนี้ถึงไม่แก้ก็ยังพอโอเค ไม่ใช่เลวร้าย แต่บางทีการแก้ก็ช่วยให้ดูดีขึ้นตามสถานการณ์ ไม่ใช่ต้องแบ่งแบบนี้ตลอด ต้องดูว่าการกระทำของเขานั้น ทำก่อนพูด หรือพูดก่อนทำ ยิ่งพวกการพูดค้างไว้เหมือนนึกอะไรอยู่ แบ่งเป็นสองช่วงก็จะดูดี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บางคนอาจติดนิสัยเขียนบทพูดยาวหน่อยเหมือนค่อยๆ คิดขึ้นมา คล้ายมีหลายอารมณ์ในประโยคเดียว เช่น
"สวัสดีครับ ผมชื่อเรย์จัง ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ...ว่าไงนะ หาว่าผมเป็นพวกบ้าแต่งหญิงเรอะ มาต่อยกันเลยดีกว่า!"
ควรแก้เป็น
"สวัสดีครับ ผมชื่อเรย์จัง ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน" ชายหนุ่มยิ้มละไมด้วยความเป็นมิตร พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ใจเย็นรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ แต่แล้วก็แอบได้ยินเสียงนินทาเป็นช่วงๆ
'ต้องเป็นพวกโรคจิตแน่เลย'
'ชุดแบบนั้นมันไม่ควรใส่ออกมานอกบ้านด้วยซ้ำ'
ใจเย็นๆ ไว้เรย์ พวกเขาก็แค่หลงผิดเพราะชุดบ้าๆ จากเจ้า Kเบย์งี่เง่า...
'ชุดแต่งได้ไม่เข้ากับหน้าเลยจริงๆ'
'สงสัยเป็นพวกชอบเรียกร้องความสนใจ'
'พวกบ้าแต่งหญิงนี่น่ากลัวจริงๆ'
"เมื่อสักครู่พวกคุณพูดว่ายังไงนะครับ..." คิ้วเรียวของเขากระตุกสามทีติดต่อกันอย่างอดไม่อยู่ เดินเข้าใกล้เป้าหมายผู้เป็นต้นเสียงก่อนจะตวาดดังลั่นคล้ายอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป "หาว่าผมเป็นพวกบ้าแต่งหญิงเรอะ...มาต่อยกันเลยดีกว่า!"
ทำแบบนี้แล้วจะทำให้ดูมีมิติและดูมีการเคลื่อนไหวมากกว่าตัวละครพูดคนเดียว เรายกตัวอย่างเฉยๆ นะ อาจไม่ได้ดีอะไรมาก T^T
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในส่วนของเนื้อเรื่องอาจเพราะเป็นคนเริ่มทำให้ยังมีเหตุการณ์การตามจับน้อยอยู่ อันนี้ขอไม่ติส่วนนั้นแล้วกันเพราะท่านทำตามหน้าที่ถูกแล้ว
ส่วนเรื่องการบรรยายสถานที่ แม้ท่านจะใช้ภาษาแบบขำๆ แต่อย่างน้อยก็ต้องพูดถึงสถานที่ด้วย จะใช้ภาษาแบบนั้นก็ได้
เพราะครั้งนี้ท่านพูดถึงตัวละครอย่างเดียว ทำให้มิติมันดูไม่แน่ชัด เห็นแต่ภาพตัวละคร
เพราะนี่อาจคุยกันในป่า ในห้องน้ำ หรือที่ไหนก็ได้ถ้าไม่บรรยายออกมา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุดเด่นของการเขียนของท่านที่เป็นข้อดีคือ
1. ใช้ภาษาที่แปลก แหวกแนว ซึ่งสะท้อนนิสัยตัวละครออกมาได้ดีเหมือนเขาพูดออกมาจริงๆ
ซึ่งจุดนี้ทำให้นักอ่านมีอารมณ์ร่วม โกรธตาม หงุดหงิดตาม หรือหัวเราะตาม
2. จัดหน้าใช้ได้ ไม่ติดกันเป็นพรืด สบายตาดีค่ะ
3. คำผิดไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คือพิมพ์พลาดไป ตกไป ไม่ใช่มาซะผิดภาษาไทยขนาดหนัก และดีที่ไม่มีภาษาวิบัติชนิดร้ายแรง
4. ขยันมากที่เขียนอย่างรวดเร็ว ครั้งหน้าท่านอาจต้องวางแผนเล็กน้อยว่าจะเขียนเนื้อหาอะไรบ้าง เพราะการตัดจบไปดื้อๆ บางครั้งมันทำให้อารมณ์ค้าง ไม่ต่อเนื่อง
และทำให้นักอ่านนั่งคิดว่าตกลงมันโผล่มาแค่นี้เหรอ พล่ามยาวแต่เรื่องไม่เดิน ซึ่งพวกเราแต่งเป็นเทิร์นเลยไม่มีปัญหา ของท่านแต่งน้อยก็ยังไม่ร้ายแรง
แต่ถ้าต้องแต่งคนเดียว ท่านพล่ามเสียยาวในช่วงแรก แต่พอไคลแมกซ์กลับตัดจบชนะสั้นๆ ง่ายๆ มันทำให้เรื่องดูขาดมิติไป
ส่วนตัวคิดว่าพอท่านแต่งเองก็คงไม่มีปัญหามั้ง รอบนี้มันวุ่นตรงต้องแบ่งกันเขียน เนื่องจากอินโทรตัวละครก็ทำได้ดีพอควรเลยค่ะ
เป็นหนึ่งในคนที่เราชอบทีเดียว (อันนี้พูดจริงๆ ไม่ใช่แหลนะ = =")
คำแนะนำเพิ่มเติม
สิ่งที่ขาดไปของท่านคือการเคลื่อนไหว เนื่องจากมีคำบรรยายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวน้อยไปหน่อย ทำให้มันยังไม่อินด์จนถึงขั้นเห็นภาพเรย์จังวิ่งตามหาปิเอโร่
หรือยังไม่จินตนาการถึงตอนเรย์จังทำหน้าเซ็งๆ แล้วคิดว่าคนตรงหน้าสายตาสั้น บลาๆๆ
ไม่จำเป็นต้องบรรยายตลอดเวลา แต่มีบ้างในจุดที่ดึงอารมณ์ สำหรับรอบนี้ที่แค่เจอตัวละครไม่บรรยายเยอะมันเลยยังไม่ร้ายแรงมากเท่าไหร่
เราแค่แนะนำล่วงหน้าไว้เฉยๆ =w="
ถ้าบางครั้งจะใช้คำพูด หรือความคิดตัวละคร บ่นจนให้นักอ่านรับรู้ถึงสีหน้าหงุดหงิดของตัวละครเองก็ต้องใช้คำให้เหมาะสม
เว้นช่วงประโยคแบบที่เราเขียนๆ ไว้ข้างบน พวกการเว้นจังหวะนึกอะไร หรือตกใจจนค้างไปชั่วขณะก่อนจะพูดอะไรต่อ
ถ้าตรงกลางนั้นเราบรรยายตัวละคร สีหน้า ท่าทาง อารมณ์ได้ มันจะช่วยให้นักอ่านจินตนาการได้ง่ายขึ้น เห็นภาพขึ้น และชัดเจนขึ้นนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล่ามยาวมาก...ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
อ่า...แม้จะวิจารณ์ของท่านไปแล้ว ได้ค่าตอบแทนแล้ว...
แต่เราคงทำแบบนี้ให้ทุกคนที่ต้องการนะคะ บอกมาได้แล้วจะตามไปอ่านให้ แต่ต้องเข้าใจนิดว่าเราจะพล่ามยาว...มาก
บางคนที่เคยขอให้เราไปอ่านนิยายจะรู้ดี แม้ปกติเราจะไม่เขียนจัดเต็มมากเพราะขี้เกียจทำภาพ กับ บางครั้งเรื่องของเขามันเฉยๆ เราไม่ได้ติดตามอยู่ก็เหอะ
ถ้าเราไม่ชอบเรื่องเราจะวิจารณ์แต่เรื่องคำผิด การเขียน ทำไงได้...เล่นเอามาให้อ่านหลายคน แถมลงแค่ไม่กี่บทเอง
จะให้ตามเรื่องที่สองสามเดือนลงตอนเดียวยังไม่ถึงก็ไม่ไหวน้า =[]=!!
แต่ใครที่อยากให้วิจารณ์แบบจัดเต็มอย่างข้างบน...แจ้งแล้วกันนะ เพราะบางครั้งเราจะไม่กล้าเขียนพวกนี้เท่าไหร่
นักเขียนบางคนไม่ชอบและขี้เกียจอ่านนี่นา ถ้าเขียนไปแล้วเขาไม่อ่านมันก็แอบเสียเวลาเรา...= ="
ปล. แล้วแต่อารมณ์เป็นช่วงๆ ด้วยนะ ถ้ายุ่งๆ ก็คงเขียนสั้น...
ในส่วนของคำผิด กรุณาจิ้มที่มันเขียนว่า spoiler นะคะ
- Spoiler:
ถ้าวงไว้เฉยๆ มี
1. เรื่องจุดไข่ปลาไม่ครบหรือเกิน ต้องมี 3 จุดนะ ...
2. ต้องเว้น 1 เคาะ(space bar) เช่นพวก ไม้ยมก(ๆ) ! ?
เราเอาตามมาตรฐานต้นฉบับนะ แต่ถ้าแค่เขียนฟิกมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในส่วนของเนื้อหา
ชอบการบรรยายสีผมมะเขือเทศจริงๆ ทำให้เรื่องดูมีสีสันดีค่ะ เป็นการบรรยายแบบไม่ต้องหรูแต่เน้นฮา
ซึ่งไม่ได้มีกฎบัญญัติข้อไหนกำหนดว่าห้ามทำแบบนี้ เพราะงั้นจัดเต็มค่ะ!!
เรื่องบรรยายอาจต้องอ่านทวนเยอะๆ ยังมีบางจุดที่แปลกๆ และเรื่องคำซ้ำ (จากที่เราขีดฆ่าในรูปด้านบน) ต้องสังเกตว่าในประโยคนึงมันอยู่ใกล้กันแล้วซ้ำไหม
บางอย่างตัดได้ก็ตัด บางอย่างตัดไม่ได้ก็ช่าง เช่นคำว่า ผม บางตอนมันตัดได้
อีกเรื่องคือการแบ่งประโยค บางครั้งมันไม่จำเป็นอยู่ในลักษณนี้
"...........(บทพูด).........." [..............บทบรรยาย..............]
หรือ
[..............บทบรรยาย..............] "...........(บทพูด).........."
บางครั้งมันอาจเป็น
"...........(บทพูด).........." [..............บทบรรยาย..............] "...........(บทพูด).........."
ซึ่งเราคาดว่าท่านคงรู้อยู่แล้ว แต่มาดูในทางปฏิบัติกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่าง
อันเดิม
“อ่า..ผม เฟรน เซอร์เรย์ครับ ขอโทษที่เข้าใจผิดไปเมื่อกี้”เขายิ้มบางๆด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมามาจับมือผม
ลองแก้
“อ่า...ผม เฟรน เซอร์เรย์..." เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะจับมือผมแล้วยิ้มแหยๆ คล้ายรู้สึกผิด "เมื่อสักครู่ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกตัวอย่างนึง
อันเก่า
“คุณ…? ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา แปลกจัง..ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย”เขาพึมพัมด้วยความสงสัย
อันแก้
"คุณ...ไม่ใช่ปิเอโร่นี่นา" เขาเผยสีหน้าแปลกใจก่อนจะปล่อยมือที่จับอยู่แล้วพึมพำด้วยความสงสัย "แปลกจัง ก่อนหน้านี้ผมยังเห็นเป็นปิเอโร่อยู่เลย"
ตัวอย่างพวกนี้ถึงไม่แก้ก็ยังพอโอเค ไม่ใช่เลวร้าย แต่บางทีการแก้ก็ช่วยให้ดูดีขึ้นตามสถานการณ์ ไม่ใช่ต้องแบ่งแบบนี้ตลอด ต้องดูว่าการกระทำของเขานั้น ทำก่อนพูด หรือพูดก่อนทำ ยิ่งพวกการพูดค้างไว้เหมือนนึกอะไรอยู่ แบ่งเป็นสองช่วงก็จะดูดี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บางคนอาจติดนิสัยเขียนบทพูดยาวหน่อยเหมือนค่อยๆ คิดขึ้นมา คล้ายมีหลายอารมณ์ในประโยคเดียว เช่น
"สวัสดีครับ ผมชื่อเรย์จัง ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ...ว่าไงนะ หาว่าผมเป็นพวกบ้าแต่งหญิงเรอะ มาต่อยกันเลยดีกว่า!"
ควรแก้เป็น
"สวัสดีครับ ผมชื่อเรย์จัง ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน" ชายหนุ่มยิ้มละไมด้วยความเป็นมิตร พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ใจเย็นรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ แต่แล้วก็แอบได้ยินเสียงนินทาเป็นช่วงๆ
'ต้องเป็นพวกโรคจิตแน่เลย'
'ชุดแบบนั้นมันไม่ควรใส่ออกมานอกบ้านด้วยซ้ำ'
ใจเย็นๆ ไว้เรย์ พวกเขาก็แค่หลงผิดเพราะชุดบ้าๆ จากเจ้า Kเบย์งี่เง่า...
'ชุดแต่งได้ไม่เข้ากับหน้าเลยจริงๆ'
'สงสัยเป็นพวกชอบเรียกร้องความสนใจ'
'พวกบ้าแต่งหญิงนี่น่ากลัวจริงๆ'
"เมื่อสักครู่พวกคุณพูดว่ายังไงนะครับ..." คิ้วเรียวของเขากระตุกสามทีติดต่อกันอย่างอดไม่อยู่ เดินเข้าใกล้เป้าหมายผู้เป็นต้นเสียงก่อนจะตวาดดังลั่นคล้ายอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป "หาว่าผมเป็นพวกบ้าแต่งหญิงเรอะ...มาต่อยกันเลยดีกว่า!"
ทำแบบนี้แล้วจะทำให้ดูมีมิติและดูมีการเคลื่อนไหวมากกว่าตัวละครพูดคนเดียว เรายกตัวอย่างเฉยๆ นะ อาจไม่ได้ดีอะไรมาก T^T
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในส่วนของเนื้อเรื่องอาจเพราะเป็นคนเริ่มทำให้ยังมีเหตุการณ์การตามจับน้อยอยู่ อันนี้ขอไม่ติส่วนนั้นแล้วกันเพราะท่านทำตามหน้าที่ถูกแล้ว
ส่วนเรื่องการบรรยายสถานที่ แม้ท่านจะใช้ภาษาแบบขำๆ แต่อย่างน้อยก็ต้องพูดถึงสถานที่ด้วย จะใช้ภาษาแบบนั้นก็ได้
เพราะครั้งนี้ท่านพูดถึงตัวละครอย่างเดียว ทำให้มิติมันดูไม่แน่ชัด เห็นแต่ภาพตัวละคร
เพราะนี่อาจคุยกันในป่า ในห้องน้ำ หรือที่ไหนก็ได้ถ้าไม่บรรยายออกมา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุดเด่นของการเขียนของท่านที่เป็นข้อดีคือ
1. ใช้ภาษาที่แปลก แหวกแนว ซึ่งสะท้อนนิสัยตัวละครออกมาได้ดีเหมือนเขาพูดออกมาจริงๆ
ซึ่งจุดนี้ทำให้นักอ่านมีอารมณ์ร่วม โกรธตาม หงุดหงิดตาม หรือหัวเราะตาม
2. จัดหน้าใช้ได้ ไม่ติดกันเป็นพรืด สบายตาดีค่ะ
3. คำผิดไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คือพิมพ์พลาดไป ตกไป ไม่ใช่มาซะผิดภาษาไทยขนาดหนัก และดีที่ไม่มีภาษาวิบัติชนิดร้ายแรง
4. ขยันมากที่เขียนอย่างรวดเร็ว ครั้งหน้าท่านอาจต้องวางแผนเล็กน้อยว่าจะเขียนเนื้อหาอะไรบ้าง เพราะการตัดจบไปดื้อๆ บางครั้งมันทำให้อารมณ์ค้าง ไม่ต่อเนื่อง
และทำให้นักอ่านนั่งคิดว่าตกลงมันโผล่มาแค่นี้เหรอ พล่ามยาวแต่เรื่องไม่เดิน ซึ่งพวกเราแต่งเป็นเทิร์นเลยไม่มีปัญหา ของท่านแต่งน้อยก็ยังไม่ร้ายแรง
แต่ถ้าต้องแต่งคนเดียว ท่านพล่ามเสียยาวในช่วงแรก แต่พอไคลแมกซ์กลับตัดจบชนะสั้นๆ ง่ายๆ มันทำให้เรื่องดูขาดมิติไป
ส่วนตัวคิดว่าพอท่านแต่งเองก็คงไม่มีปัญหามั้ง รอบนี้มันวุ่นตรงต้องแบ่งกันเขียน เนื่องจากอินโทรตัวละครก็ทำได้ดีพอควรเลยค่ะ
เป็นหนึ่งในคนที่เราชอบทีเดียว (อันนี้พูดจริงๆ ไม่ใช่แหลนะ = =")
คำแนะนำเพิ่มเติม
สิ่งที่ขาดไปของท่านคือการเคลื่อนไหว เนื่องจากมีคำบรรยายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวน้อยไปหน่อย ทำให้มันยังไม่อินด์จนถึงขั้นเห็นภาพเรย์จังวิ่งตามหาปิเอโร่
หรือยังไม่จินตนาการถึงตอนเรย์จังทำหน้าเซ็งๆ แล้วคิดว่าคนตรงหน้าสายตาสั้น บลาๆๆ
ไม่จำเป็นต้องบรรยายตลอดเวลา แต่มีบ้างในจุดที่ดึงอารมณ์ สำหรับรอบนี้ที่แค่เจอตัวละครไม่บรรยายเยอะมันเลยยังไม่ร้ายแรงมากเท่าไหร่
เราแค่แนะนำล่วงหน้าไว้เฉยๆ =w="
ถ้าบางครั้งจะใช้คำพูด หรือความคิดตัวละคร บ่นจนให้นักอ่านรับรู้ถึงสีหน้าหงุดหงิดของตัวละครเองก็ต้องใช้คำให้เหมาะสม
เว้นช่วงประโยคแบบที่เราเขียนๆ ไว้ข้างบน พวกการเว้นจังหวะนึกอะไร หรือตกใจจนค้างไปชั่วขณะก่อนจะพูดอะไรต่อ
ถ้าตรงกลางนั้นเราบรรยายตัวละคร สีหน้า ท่าทาง อารมณ์ได้ มันจะช่วยให้นักอ่านจินตนาการได้ง่ายขึ้น เห็นภาพขึ้น และชัดเจนขึ้นนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล่ามยาวมาก...ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
อ่า...แม้จะวิจารณ์ของท่านไปแล้ว ได้ค่าตอบแทนแล้ว...
แต่เราคงทำแบบนี้ให้ทุกคนที่ต้องการนะคะ บอกมาได้แล้วจะตามไปอ่านให้ แต่ต้องเข้าใจนิดว่าเราจะพล่ามยาว...มาก
บางคนที่เคยขอให้เราไปอ่านนิยายจะรู้ดี แม้ปกติเราจะไม่เขียนจัดเต็มมากเพราะขี้เกียจทำภาพ กับ บางครั้งเรื่องของเขามันเฉยๆ เราไม่ได้ติดตามอยู่ก็เหอะ
ถ้าเราไม่ชอบเรื่องเราจะวิจารณ์แต่เรื่องคำผิด การเขียน ทำไงได้...เล่นเอามาให้อ่านหลายคน แถมลงแค่ไม่กี่บทเอง
จะให้ตามเรื่องที่สองสามเดือนลงตอนเดียวยังไม่ถึงก็ไม่ไหวน้า =[]=!!
แต่ใครที่อยากให้วิจารณ์แบบจัดเต็มอย่างข้างบน...แจ้งแล้วกันนะ เพราะบางครั้งเราจะไม่กล้าเขียนพวกนี้เท่าไหร่
นักเขียนบางคนไม่ชอบและขี้เกียจอ่านนี่นา ถ้าเขียนไปแล้วเขาไม่อ่านมันก็แอบเสียเวลาเรา...= ="
ปล. แล้วแต่อารมณ์เป็นช่วงๆ ด้วยนะ ถ้ายุ่งๆ ก็คงเขียนสั้น...
แก้ไขล่าสุดโดย DarkPhoenix เมื่อ Sun Apr 29, 2012 1:49 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
โอ้ววว ขอบคุณมากค่าท่านแพร;w;/
Zetsubou Semi- จำนวนข้อความ : 74
Join date : 25/04/2012
Age : 27
Re: [Event Quest] ความไม่พอใจของปิเอโร่[[ปิดเควส]]
เซมิจังสูบพลังแพรไปหมดแล้ว T^T
หมดแรง...
ต่อไปต้องนำทำของมูสต่อ
อ่า...นั่งทำรูปต่อไปเพื่อความเข้าใจง่าย(เหรอ)
ว่าแต่เซมิจัง่อ่านรู้เรื่องไหมอะ = ="
หมดแรง...
ต่อไปต้องนำทำของมูสต่อ
อ่า...นั่งทำรูปต่อไปเพื่อความเข้าใจง่าย(เหรอ)
ว่าแต่เซมิจัง่อ่านรู้เรื่องไหมอะ = ="
DarkPhoenix- จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012
หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
Similar topics
» [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]
» [Normal Quest]ตามหาสร้อยกุหลาบน้ำเงิน[[ปิดเควส]]
» [Normal Quest]ตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง4[[ปิดเควส]]
» [Normal Quest]นำของไปส่งที่ปราสาทขาว
» [Nomal Quest]มาส่งจดหมายกันเถอะ!!![Turn3/4]
» [Normal Quest]ตามหาสร้อยกุหลาบน้ำเงิน[[ปิดเควส]]
» [Normal Quest]ตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง4[[ปิดเควส]]
» [Normal Quest]นำของไปส่งที่ปราสาทขาว
» [Nomal Quest]มาส่งจดหมายกันเถอะ!!![Turn3/4]
OCFF-First class Admin Enterbook :: เหล่าผู้ถูกเลือก[แนะนำตัวทีนี้] :: ลานประลอง :: ลานประลอง :: เควสนอกรอบ
หน้า 1 จาก 2
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ