OCFF-First class Admin Enterbook
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

5 posters

Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  Admin Mon May 14, 2012 7:13 pm

เจ้าของเควส : ไดอาน่า ลิช สวอนโร้ด & เดวิด ลิช สวอรโร้ด & ซีโร่
สถานที่:วิหารไมนัส ภายในโบสถ์

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] KMon-003_resize

จำนวนเทิร์นอย่างต่ำ : 4 เทิร์น
จำนวนผู้เล่นที่กำหนด : 4 คน
รางวัลเควส(ผู้เล่น) : แหวนแห่งโชค
รางวัลเควส(ผู้ให้คำแนะนำการแต่ง) : ขนมปังเมล่อน
รางวัลเควส(ผู้เข้าชม+คอมเม้น) : กิ๊บติดผมของอาเบะ



รายละเอียด : อยู่ดีๆบัตรเชิญไปงานแต่งงานระหว่างมาเรียกับปิเอโร่ก็ร่อนไปทั่วราชอาณาจักร จนได้ทราบถึงมารีอา และแล้วสงครามกลางเมืองก็ได้เริ่มต้นขึ้น ระหว่างมาเรียที่ไม่รู้เรื่องการแต่งงานนี้กับแม่สามีที่โมโหจนพังบ้านเรือนไปเป็นแถบๆ อยากให้สองสาวยุติการสู้รบกัน ทุกๆคนต้องไปตามหาปิเอโร่มาเสียแล้ว และทำยังไงก็ได้ให้พามาเรียไปที่โบสถ์อย่างทันเวลา โดยจะปิเอโร่และมาเรียจะได้ผู้ช่วยที่มาค่อยช่วยเหลือให้หาทางหลีกหนีการปะทะกันจากมารีอาได้ ผู้ช่วยสองคนก็คือไดอาน่า และเดวิด อย่าลืมว่าคนทั้งราชอาณาจักรต่างมารอคอยที่โบสถ์ โดยมีผู้ทำหน้าที่บาทหลวงก็คือเอลลูญ ขอให้สนุกกับเควส!~

สิ่งที่ต้องเจอ - มารีอาและสมุนทุกตนตามล่ามาเรียกับปิเอโร่


การส่งเทริ์น วันที่14-20






แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Mon Oct 29, 2012 3:35 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Admin
Admin
Admin

จำนวนข้อความ : 67
Join date : 24/04/2012

https://ocff.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  DarkPhoenix Mon May 14, 2012 7:17 pm

Turn 1



“ง่วงนอนจังเลย~” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงขยี้หัวตัวเองจนยุ่งอย่างงัวเงีย หลังจากโดนเวทแก้นิสัยไปทำให้ร่างกายยังปรับสภาพการนอนไม่ได้ เครมิส ดิมอส มังกรหนุ่มที่เคยก่อวีรกรรมเดินละเมมบุกลักหลับ เอ๊ย! ขโมยของกินชาวบ้าน ตอนนี้หาวหวอดๆ เป็นรอบที่ยี่สิบ “ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างหรือไงนะ”


“ไม่มีเรื่องใส่ตัวก็ดีถมแล้ว!” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะเอื้อมมือมาดีดหน้าผากเครมิสทีหนึ่งคล้ายต้องการปลุก “รีบๆ กินซะจะได้หมดเวรหมดกรรมกันสักที”


“โจ๊กการินาเวโย่ใจร้าย!” เขาลูบหน้าผากที่โดนประทุษร้ายอย่างงอนๆ ที่ทั้งสองมาอยู่ด้วยกันนั้นเพราะคำสัญญาคราวก่อนว่าจะเลี้ยงขนม แต่คิดเหรอว่าไอติมแท่งเดียวคนอย่างเครมิสจะอิ่ม สุดท้ายเลยนั่งกินกันยาวโดยมีเจ้ามือเป็นมังกรน้อยจอมป่วนแทน


โจ๊กเกอร์ทำเมินแล้วตักของหวานตรงหน้าเข้าปาก แววตาสื่อความหมายประมาณว่า ‘นายมันดื้อเอง!’


“อ้าว! คุณเครมิสไม่เจอกันนานเลย” เสียงหนึ่งดังมาจากโต๊ะข้างๆ พร้อมการปรากฏตัวของชายหนุ่มเจ้าของกระเป๋าสารพัดนึกหนัก 20 ปอนน์ “ตั้งแต่คราวเควสปิเอโร่ล่ะมั้ง”


เครมิสเอียงคอเหมือนพยายามนึก ความทรงจำเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ “ชื่ออะไรนะ...เฟรนนาวิโนซูย่า?”


ถึงจะจำชื่อได้จริงหรือไม่ก็แยกยากอยู่ดีเพราะไอ้บ้าบางคนชอบเรียกชื่อเพี้ยนๆ วอนให้คนเตะเปรี้ยง!


เฟรนยิ้มกระตุกนิดๆ แต่ก็ไม่เก็บมาคิดมาก “พวกคุณมารับเควสเหมือนกันเหรอครับ?”


“พวกเราเพิ่งมารับเควสส่งจดหมายน่ะ” โจ๊กเกอร์ยักไหล่แล้วกวักมือให้อีกฝ่ายนั่งลง “นายเองก็รับเควสนั้นเหมือนกันสินะ นั่งสิๆ เผื่อจะได้คุยกันหน่อย”


แต่ไม่ทันที่เฟรนจะได้จับจองที่นั่งเป็นหลักแหล่งก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวมาแปะหน้าจนพลาดนั่งลงไปบนเก้าอี้ล่องหน หรือก็คือล้มลงก้นจ้ำเบ้านั่นแหละ “หวาๆ ผมนี่ดวงไม่ดีเลยจริงๆ”


ถ้ามันจบแค่นั้นก็คงไม่มีอะไร เพียงแต่...เก้าอี้ที่ล้มไปทับเท้าของใครบางคนเข้า!


“ลุกแล้วจัดเก้าอี้นั่นซะ” เสียงเย็นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นไม่ห่างนัก ใบหน้านิ่งๆ ไม่เผยอาการเจ็บปวดแต่ก็คงรำคาญใจไม่น้อย “เร็ว...”


“ว้าก ต้องขอโทษคุณหลงเฟยด้วยนะครับ!” เฟรนรีบลุกขึ้นแทบจะทันทีแล้วโค้งตัวลงเป็นการขอโทษ “ว่าแต่กระดาษแผ่นนี้มาจากไหนนะ?”


“เฟรนนาโร่อ่านให้ฟังหน่อยสิ” เครมิสกระพริบตาปริบๆ อย่างอ้อนๆ “นะๆๆ”


“ขอเชิญมาร่วมงานแต่งงานของ...” เฟรนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ “คุณปิเอโร่กับคุณมาเรีย!”


“ว่าไงนะ!” โจ๊กเกอร์เองถึงกับทำช้อนในมือหล่นลงกระแทกโต๊ะ เธอแย่งแผ่นกระดาษไปอ่านเองแล้วทำหน้าไม่เชื่อ “เรื่องจริงเหรอเนี่ย!”


“ยุ่งแน่ๆ...” หลงเฟยขมวดคิ้วบางๆ แล้วพูดต่อเมื่อเห็นคนอื่นทำหน้าสงสัย “แม่หวงลูกคนนั้นต้องมาแหงๆ”


“คนไหนเหรอ?” เครมิสเอียงคอแล้วพยายามนึก


โจ๊กเกอร์ยัดแผ่นกระดาษเชิญเข้าร่วมงานคืนให้เฟรนแล้วเตรียมชิ่ง “ก็ยัยเด็กที่ปราสาทหิมะนั่นไง!”


“ผมคิดว่าคงหนีไม่ได้แล้วล่ะ...” เฟรนยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพลิกกระดาษเจ้าปัญหาโชว์ด้านหลังให้เห็น “มันเขียนว่า ‘ในเมื่อพวกคุณเป็นคนแรกที่ได้อ่าน ช่วยพามาเรียไปที่งานแต่งหนีแม่ของผมให้ที จาก ปิเอโร่’ เอาไงกันต่อดีครับ”


“ไอ้เจ้าตัวตลกแสบ!” โจ๊กเกอร์กำหมัดแน่นคล้ายอยากกระทืบคน “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ รีบไปตามหามาเรียก่อนที่สองคนนั้นจะทะเลาะกันเองจนเมืองพังหมด!”


“งั้นไหนๆ ถ้าต้องรีบ...” เครมิสค้างประโยคไว้นิดๆ แล้วยิ้มหวานหยด “เราพา ‘บิน’ ดีไหม”


“มะ...ไม่ต้องเลยนะ!” โจ๊กเกอร์หน้าซีดลงทันควันคล้ายคิดถึงประสบการณ์ครั้งก่อนๆ “แถมนายจะแบกคนสามคนได้ยังไง!”


“มันอุ้มลำบากแต่ถ้าน้ำหนักล่ะก็ไหวนะ” เครมิสยิ้มซื่อๆ แล้วพยายามอธิบายเหตุผล “หาจากที่สูงมันจะง่ายกว่านี่นา”


“สู้ปล่อยนายบินคนเดียวแล้วที่เหลือแยกย้ายหาคนละจุดจะไม่ดีกว่าเหรอ!” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มยังคงไม่ยอมแพ้ ให้ตายเธอก็ไม่อยากฝากชีวิตไว้กับใครบางคนแถวนี้ “พวกนายก็คิดเหมือนกันใช่ไหม!”


“มันก็...ใช่ครับ” เฟรนยิ้มแห้งๆ


“อืม” หลงเฟยพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเข้าใจ เขาหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋า “คิดว่ามาเรียน่าจะอยู่ในเขตเมืองชั้นใน”


“ผมเห็นคุณมาเรียเดินออกจากโรงแรมเมื่อเช้า คิดว่าน่าจะยังไม่กลับแน่ๆ” เฟรนอธิบายเสริมแล้วพยายามนึกเหตุการณ์ย้อนหลัง “ไม่มั่นใจว่าไปทางไหนแต่ดูแล้วคงไปเดินเล่น”


“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน” โจ๊กเกอร์เดินไปหยิบแผนที่จากเคาท์เตอร์ซึ่งวางแผ่นพับแจกไว้ตรึม “ฉันหาทางเหนือ เฟรนทางตะวันออก หลงเฟยทางตะวันตก และเครมิสทางใต้”


“แล้วถ้ามีใครสักคนเจอมาเรียแล้วจะสื่อสารกันยังไงเหรอครับ?” เฟรนจดบริเวณที่ตัวเองต้องออกตามหาพลางถามไปด้วย “เพราะคิดว่าใช้เวทสื่อสารระยะไกลมันลำบาก ผมเองก็ไม่ถนัด”


“นั่นสินะ...” โจ๊กเกอร์ทำหน้าเครียดเหมือนไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี ถ้าจะให้แยกกันไปเลยก็ดูเสี่ยงเกินไป


จู่ๆ เครมิสก็ยิ้มกว้างแล้วเรียกร้องความสนใจบ้าง “งั้นให้จุดพลุสัญญาณไหม แล้วเราจะบินไปหา!”


“ต้องบินจริงๆ เหรอ...” โจ๊กเกอร์กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ “คนอื่นก็คงเห็นพลเหมือนกัน ตามไปเองก็ได้มั้ง”


“แต่ถ้าเราบินไปรับทุกคนมันเร็วกว่านะ ไม่ต้องอ้อมตามถนนด้วย!” มังกรหนุ่มเถียงไม่ยอมแพ้คล้ายอยากได้มีส่วนร่วมในงานบ้าง เขาหันไปส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่น “หลงเฟยซิโนว่ากับเฟรนเนโยนิก้าก็คิดแบบเราใช่ไหม”


ทั้งสองคนพยายามคิดหาข้อโต้แย้งแต่กลายเป็นว่ามีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นก่อน “นี่มันอะไรเนี่ย!”


สี่ชีวิตในห้องรีบหันไปมองในทันใดและพบว่ามาเรียซึ่งพวกเขาต้องหากลับมาถึงโรงแรมพอดี กระดาษในมือทำให้เส้นเลือดในสมองของเธอทำงานอย่างหนัก ใบหน้าสวยแฝงโทสะไว้จนออกมาน่ากลัว “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ทำอะไรไม่เคยบอกกันก่อนเลย!”


และแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปทิ้งให้สี่หน่ออึ้งจับต้นชนปลายไม่ถูกจนผู้มาใหม่อีกสองคนกระโดดเข้าตบหลังดังป้าบ “จะเหม่อไปนานเกินแล้วนะครับ/ค่ะ”


เฟรนรีบหันกลับไปมองแล้วถามอย่างงงๆ “พวกเธอคือ?”


“พวกเราเป็นลูกของพ่อซีโร่ไงล่ะ ไดอาน่ากับเดวิด ยินดีที่ได้รู้จัก” พูดออกมาพร้อมกันสมกับที่เป็นแฝดจริงๆ เรือนผมสีทองพร้อมนัยน์ตาสีฟ้าใสเข้ากับรอยยิ้มน่ารักของทั้งคู่ยิ่งนัก “แต่ถ้าไม่รีบตามไปจะคลาดกันเสียก่อนนะ”


“จริงด้วย!” โจ๊กเกอร์ที่มัวแต่ตกใจกับการกลับมาของมาเรียรีบฉุดกระชากเครมิสและเฟรนที่อยู่ใกล้มือออกตัววิ่งทันที “หลงเฟยก็ตามมาเร็วๆ เข้า”


“อ๊ะ ทั้งสี่คนอย่าเพิ่งไป” สองแฝดตะโกนไล่หลังก่อนที่สี่ร่างจะก้าวพ้นออกนอกประตู “พวกเราอยากเตือนอะไรนิดหน่อย”


“อะไรเหรอ?” เครมิสเอียงคอฉงน


“น้าโซเรนมีปัญหาพวกเราก็จะช่วย เรื่องเส้นทางเลี่ยงน้ามารีอาไม่ต้องห่วงแต่ที่อยากเตือน...” ไดอาน่าและเดวิดหยุดค้างไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดังเดิม “ระวังสัตว์เลี้ยงของน้ามารีอาด้วยนะ”


“สัตว์เลี้ยง...” หลงเฟยเผยสีหน้าแปลกใจขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะขมวดคิ้วจนเป็นปม “ที่อยู่ในป่าพวกนั้น?”


“อย่าบอกนะว่า...” โจ๊กเกอร์ที่ทำเควสมาหลายครั้งถึงกับหน้าซีดลงทันควันต่างจากเฟรนซึ่งยังไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่ทราบข่าว ส่วนเครมิสคิดแต่ว่าของตรงหน้ากินได้ไหมเลยไม่กลัวอะไรนัก


“เข้าใจถูกแล้ว” สองแฝดยิ้มแห้งๆ แล้วพูดสิ่งที่โจ๊กเกอร์ไม่อยากได้ยินที่สุดออกมา “คงมาแทบทุกตัวนั่นแหละครับ/ค่ะ”


“ตายแน่งานนี้!”



To Be Continue



แก้ไขล่าสุดโดย DarkPhoenix เมื่อ Tue May 15, 2012 10:17 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
DarkPhoenix
DarkPhoenix

จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  RUMINA Mon May 14, 2012 7:26 pm

TURN II by RUMINA



“อะไรตายหรอครับ?”เฟรนผู้ซึ่งไม่เคยออกไปทำเควสใดๆนอกจากเควสปิเอโร่ถามงงๆ แต่ฝีเท้ายังคงทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนสหายร่วมชะตากรรม คือ วิ่งตามมาเรีย


“กระต่ายกินคน หมีหิมะน้ำแข็ง เสือเขี้ยวมรณะ......”หลงเฟยพึมพำเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ทั้งสามที่ออกวิ่งอยู่ข้างๆจะได้ยิน


“ชื่อของกินหรอ?”เครมิสเอียงคอ พยายามนึกภาพของกินให้สอดคล้องกับชื่อ


อืม....พายอบหน้ากระต่ายรับประกันรสชาติ หมีหิมะแช่แข็งเป็นไอติมหลอด น้องปุกปุยราสซอสมายองเนส???


“ใช่ซะที่ไหนกันเล่า!”โจ้กเกอร์ตบหัวเครมิสดัวป๊าบ


หลงเฟยเหลือบมองด้วยสายตานิ่งสนิท


“อยู่นั่นไงครับ!”เฟรนตะโกนบอก มือหนาชี้ไปยังทางแยกตรงหน้า เห็นหญิงสาวนามมาเรียกำลังจะเลี้ยวซ้าย แต่อยู่ๆร่างบางก็หยุดชะงัก มองเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลง


เมื่อทั้งสี่ไล่ตามหญิงสาวทัน ต่างก็มองไปยังทิศทางเดียวกับสายตาของมาเรียที่หยุดชะงักค้างเป็นหิน


นัยน์ตาสีดำเรืองวาวนับสิบคู่มองราวกับพบเหยื่อที่ตนต้องการจะล่า ฟันหน้ายาวลากพื้นแหลมคม เมื่อมันอ้าปากก็เผยให้เห็นฟันแหลมเฟี้ยวและน้ำลายเยิ้มดูกระหายเหยื่อเต็มที่ ถูกแล้ว......พวกมันทั้งฝูงก็คือ เสือเขี้ยวมรณะ!!!


“นี่มัน น้องปุกปุย?”เครมิสมองเสือเขี้ยวมรณะทั้งฝูงตาแป๋ว


เฟรนขยับแว่น ท่าทางสุขุม“น้องปุกปุย? เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกไม่สมกับพันธุ์เลยนะครับคุณเครมิส”


“มันคือเสือเขี้ยวมรณะต่างหากล่ะ”โจ้กเกอร์ร้อง มือบางขยับนิ้วไปมา เมื่อแสงตกกระทบลงมาก็เผยให้เห็นลวดที่เริ่มกระจายตัวรอบบริเวณโดยมีจุดกำเนิดมาจากนิ้วเรียวของหญิงสาวเรือนผมสีขาวยาวสลวย


หลงเฟยเรียกเคียวออกมาเตรียมพร้อม


“สกัดพวกมันชั่วคราว แล้วพามาเรียขึ้นไปบนตึก จากนั้นก็กระโดดข้ามตึกไปที่โบสถ์”หลงเฟยอธิบายเรียบๆ


“แล้วคุณปิเอโร่ล่ะครับ เราต้องตามหาเขาด้วยมั้ย?”หนุ่มแว่นถาม มือดึงตัวมาเรียที่ยังช็อกไม่หายเตรียมวิ่งเข้าตึกเรียบร้อย


เสือเขี้ยวมรณะนับสิบคำราม ตั้งท่าเตรียมกระโจน


“ช่างก่อน ตอนนี้หนีพวกนี้สำคัญกับชีวิตกว่านะ”โจ๊กเกอร์ว่า


“จะจัดการน้องปุกปุยหรอ? กระซิกๆ”เครมิสมองเหล่าน้องปุกปุยที่กำลังจะโดนหลงเฟยและโจ๊กเกอร์ทำให้เละเป็นโจ๊กด้วยสายตาเจ็บช้ำ มือกำอกราวกับใจจะสลาย


“แค่ทำให้สลบน่า”เจ้าของเรือนผมสีฟ้าปลอบพลางขมวดคิ้ว จำนวนเสือเขี้ยวมรณะมากขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเจอกระต่ายกินคนด้วยล่ะก็......


“เอ๋ กระต่าย? ทำไมมาอยู่กลางเมืองเยอะแยะขนาดนี้ล่ะครับ?”เฟรนขยับแว่นหวังจะมองให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ตาฝาด ทางแยกฝั่งขวาที่พวกเขาไม่ได้เลี้ยวไปนั้น บัดนี้เต็มไปด้วยกระต่ายนับร้อย นัยน์ตาสีแดงฉาน ดูน่ารักน่าเอ็นดู ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พวกเขาห้าคนเรื่อยๆ


คำพูดของชายหนุ่มเรียกให้คนที่เหลือหันไปมอง ยกเว้นหลงเฟยที่กำลังจ้องตากับเสือเขี้ยวมรณะนับสิบ เขาเกรงว่า ถ้าหากคลาดสายตาจากมันเมื่อใด.....พวกเขาคงไม่เหลือแม้แต่ชีวิต!


“กระต่ายกินคน!”โจ๊กเกอร์เบิกตากว้าง คำเรียกกระต่ายน้อยทำให้เฟรนอ้าปากหวอ


เจอเสือเขี้ยวมรณะว่าซวยแล้ว เจอกระต่ายกินคนซวยกว่า....จะเจออะไรที่ซวยกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย!!! หญิงสาวกู่ร้องในใจ


เครมิสถอยหลังสามก้าว กลืนน้ำลายเอือก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าถอยไปเข้าใกล้น้องปุกปุยแทนจึงหยุดแล้วสะกิดไหล่หลงเฟย


“หลงเวเฟิลช็อกโกเลโต้ ทางตันอ่ะ”


“ข้ารู้.....ทุกคน....”นัยน์ตาสีม่วงกวาดตามอง


“วิ่งเข้าไปในตึก!”สิ้นเสียง เสือเขี้ยวมรณะที่รอจังหวะให้เจ้าของเรือนผมสีฟ้าและคนอื่นๆไม่สังเกตพวกมันอย่างตั้งใจต่างก็กระโจนเข้าใส่หวังจะตะครุบร่างมนุษย์ที่จะมาเป็นอาหารอันโอชะ เช่นเดียวกับเหล่ากระต่ายน้อยกินคนที่กระโดดเหย๋งๆตามทั้งห้าเข้าไปในตึก


“เอาไงต่อดี?”มาเรียที่ได้สติแล้วถามเสียงสั่น


“วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ข้ากับโจ๊กเกอร์จะสกัดพวกมันไว้ก่อน ไปเร็ว!”หลงเฟยโบกมือไล่ พร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากับกองทัพกระต่ายกินคนและเสือเขี้ยวมรณะ


“ถ้าขึ้นไปถึงดาดฟ้าแล้วก็กระโดดข้ามตึกไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรอพวกฉัน”โจ๊กเกอร์กำชับเสียงเด็ดขาด สายตายังคงจับจ้องศัตรูเบื้องหน้า “เข้าใจใช่มั้ย? แล้วพวกฉะนจะตามไปทีหลัง”


เครมิสเบะปาก น้ำตาคลอ ต่างกับสองคนที่เหลือที่พยักหน้ารับและวิ่งขึ้นบันไดไปดาดฟ้าเรียบร้อย


“หลงเฟเฟเยก้า โจ๊กคะนอเกอเกอร่า.......”มังกรหนุ่มน้อยกำลังจะเอ่ยเรียกให้ทั้งสองตามไปด้วย


“ไม่ต้องห่วง....”โจ๊กเกอร์หันมายิ้มบางๆให้


“พวกข้าจะรีบตามไปแน่นอน”หลงเฟยต่อเสียงหนักแน่น เคียวสีใสตวัดกระแทกกระต่ายกินคนที่ดาหน้าเข้ามาใกล้มากกว่าเสือเขี้ยวมรณะเพราะความเร็วและจำนวนที่มากกว่าให้กระเด็นออกไป


เครมิสพยักหน้ารับ อยากจะขออยู่ช่วยทั้งสองคนด้วย แต่เมื่อเฟรนเรียกจากชั้นบนก็หันหลังวิ่งขึ้นบันไดสุดแรงเกิด


“หมดภาระไปสาม.....”นัยนต์สีม่วงของทั้งสองสบกันนิ่งๆ


“จัดการตรงหน้าให้เสร็จๆเถอะ”โจ๊กเกอร์เอ่ยกลั้วหัวเราะ ลวดที่เป็นอาวุธของหญิงสาวถูกควบคุมให้ขยับไปมาราวกับมีชีวิต


“เอาล่ะหนูน้อยทั้งหลาย....เกมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”หญิงสาวแสยะยิ้มหวานจ๋อยจนเหล่าสัตว์เบื้องหน้าขนลุกซู่ พวกมันต่างก็คิดในใจเหมือนกันโดยมิได้นัดหมายดุจดั่งพระสงฆ์ที่มาชุมนุมกันในวันมาฆบูชา


.....ไม่น่ามาหาเรื่องเหยื่อสองคนตรงหน้าเลย.....




ทางด้านเครมิส เฟรน และมาเรีย


“แฮกๆ”หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มหอบหายใจ หลังจากวิ่งขึ้นมาถึงดาดฟ้าของตึกเป็นที่เรียบร้อย


“ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับคุณมาเรีย”เฟรนถามด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นค้อนวงงามจากมาเรีย


“เห็นแบบนี้คงไม่เป็นไรมั้งยะ! ทำไมปิเอโร่ต้องหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ด้วยเนี่ย โอ๊ย!!!!”หญิงสาวกุมขมับ ใบปลิวนั่นเป็นต้นเหตุแท้ๆเชียว ตอนนี้ในเมืองคงวุ่นวายไปหมดเพราะสัตว์เต็มเมืองแน่นอน


“รอหลงเฟยยิเกกาโน่กับโจ๊กเก้อิอิโก้ก่อนน้า”เครมิสบอก


“คงไม่ได้หรอกครับ เราต้องรีบไปแล้ว ต้องตามหาคุณปิเอโร่ด้วย”ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววลำบากใจ“เดี๋ยวจะไม่ทันการนะครับ”


“งั้นก็ไปกันเถอะ”มาเรียลุกขึ้นพลางหันหน้าไปยังทิศทางจุดหมาย เตรียมกระโดดข้ามไปยังอีกตึกที่ตั้งห่างกันไม่มากนัก


“เดี๋ยวครับ....นั่นมันอะไรน่ะ”เฟรนเอ่ยห้ามเมื่อสายตาไปสะดุดกับอะไรขาวๆบนยอดตึกตรงข้าม


“น้องหมี?”เครมิสมองตามแล้วอุทานเสียงดัง


เฟรนบรรลุสัจธรรมในทันทีโดยไม่ต้องให้โจ๊กเกอร์หรือหลงเฟยที่ตอนนี้ไม่อยู่แปลให้ฟัง น้องหมีในสายตาเครมิส คงจะเป็นหมีหิมะน้ำแข็งที่หลงเฟยพูดถึงเป็นแน่!


“หมีหิมะน้ำแข็ง!”มาเรียกรีดร้อง


อะไรจะวุ่นวายได้ขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นกะจะฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้เลยรึไง!



To Be Continue


แก้ไขล่าสุดโดย RUMINA เมื่อ Tue May 15, 2012 8:57 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
RUMINA
RUMINA

จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Turn 3

ตั้งหัวข้อ  Chalela Mon May 14, 2012 9:22 pm

จะบอกอะไรให้นิดนึง...
มัน ค้าง มาก (กร๊ากกกก!!!)

**********************************************************************

TURN 3



“ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก” โจ๊กเกอร์ยิ้มหวานพลางกวาดตามองฝูงสัตว์สองชนิดที่มากันอย่างกับจะเปิดละครสัตว์ให้เธอมาเก็บตังค์เล่น เด็กสาวพูดต่ออย่างไม่รีบร้อน “นายจัดการกระต่าย ฉันจัดการเสือเอง...อ้อใช่ พังบันไดให้ด้วยนะ”

หลงเฟยพยักหน้ารับคำ แยกกันจัดการก็ถือว่าไม่เลว ถึงแม้จำนวนศตรูจะแตกต่าง แต่เสือเขี้ยวมรณะนั้นจัดการยากกว่ากระต่าย อีกทั้งเขายังชินกับการสู้กับกระต่ายเสียมากกว่าด้วย แยกเช่นนี้ก็ถือว่าพอมีเหตุผลพอสมควร

เขายิ้มในใจก่อนที่จะร่ายกระสุนเวทพังบันไดทันที ข้อได้เปรียบอันใหญ่สำหรับเขาก็คือการร่ายเวท ก่อนหน้านี้ใช้เวทไม่ได้เพราะอยู่ในอาณาเขตของมารีอา ถ้าใช้เวทได้แบบนี้ล่ะก็ แค่นี้ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย!

“รู้สึกเหมือนเจอศตรูเก่าเลยแฮะ” โจ๊กเกอร์ที่เพิ่งเห็นหลงเฟยพังบันไดไปเหยียดรอยยิ้ม เพราะตึกนี้มีบันไดเพียงแค่อันเดียว ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลแม้แต่นิดว่าจะมีกระต่ายนรกหรือเสือปากเหม็นตัวไหนผ่านไปได้

กิ๊ดดดดด!!!

กระต่ายตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีโจ๊กเกอร์ทางด้านหลัง ทว่าก็ถูกเคียวเล่มใหญ่ตวัดทิ้งไปไกลๆ เสียก่อน

“คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่นี่” นัยน์ตาสีม่วงของหลงเฟยเปล่งประกายแววโรจน์ เขาพูดต่อ “สติปัญญาของเจ้าต่ำเตี้ยขนาดที่ไม่สามารถเข้าใจคำพูดของข้าได้เชียวเหรอ”

กระต่ายสีขาวตัวนั้นขู่ฟ่อทันที ก่อนที่จะรวมฝูงกับพวกตัวเองเข้าไปโจมตีหลงเฟย

“หึ หมาหมู่” หลงเฟยที่ถูกโจมตีปรายตามองพลางหลบหลีกอย่างพลิ้วไหว เขาใช้เคียวตวัดผ่านกระต่ายหลายตัวจนมันเลือดสาดกระเซ็น เขาไม่ใช่คนรักสิ่งมีชีวิตอะไรนัก แถมไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามฆ่า ดังนั้นเลือดสีแดงสดของกระต่ายนับสิบตัวจึงเปรอะเปื้อนเคียวน้ำแข็งของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

เหล่ากระต่ายที่เห็นดังนั้นก็เข้ามาโรมรันอย่างรู้งาน ยังไงพวกมันก็ถนัดแต่หมาหมู่อยู่แล้ว ทีละตัวจะไปรอดได้ไง

หลงเฟยเหลือบมองอย่างดูถูกดูแคลน เขาร่ายเวทผลึกสลายกายาอย่างไม่รีบร้อน จนในที่สุดกระต่ายที่เหลือประมาณสี่สิบห้าสิบก็ถูกแช่แข็งไปเรียบร้อย



“โหดเป็นบ้า” โจ๊กเกอร์ที่กำลังหลบเสือเขี้ยวมรณะอยู่บ่นลอยๆ เมื่อเห็นหลงเฟยกำลังเชือดกระต่ายจนเลือดสาดไปหมดอย่างเย็นชา เธอกระโดดหงายหลังขึ้นไปล็อกคอของเสือตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว “พวกแกก็เอาแต่โจมตีเป็นแมวกลัวหมาอยู่ได้!”

เด็กสาวเหยียดยิ้ม เธอตวัดมืออย่างรวดเร็วก่อนที่เขี้ยวคมๆ ยาวหลายนิ้วของเสือผู้โชคร้ายจะถูกตัดออกมา “ลาก่อนนะเจ้าเสือปากเหม็น เกิดมาชาติหน้าก็แปรงฟันซะบ้างล่ะ จะได้ไม่มีใครเอาเขี้ยวตัวเองมาทิ่มอีก!!”

ว่าจบเธอก็เงื้อเขี้ยวที่ตัดออกมาขึ้นและแทงลงไปที่หลังเสือตัวนั้น มันคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เขี้ยวที่ได้ชื่อว่ามรณะนั้นปักลึกลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงหัวใจ ของเหลวสีแดงพ่นออกมาจากปากแผลไม่หยุด

และในขณะที่เสือเขี้ยวมรณะตัวอื่นกำลังชะงักกับเพื่อร่วมฝูงที่เพิ่งตายไป ผู้สังหารเพื่อนพ้องของมันก็ดึงเขี้ยวอันนั้นออกมาอย่างรวดเร็วจนเลือดกระชูดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความจริงเธอตั้งใจจะเอามาใช้อีกเพื่อลดเวลาในการตัดเขี้ยว แต่เมื่อเห็นหัวใจที่กำลังเต้นเสียบคาเขี้ยวที่เธอดึงออกมาอยู่ เด็กสาวก็โยนเขี้ยวทิ้งพร้อมกระโดดออกมาทันที ทว่าเพราะความตกใจทำให้ขาของสาวเจ้าสะดุดกันเอง ส่งผลให้เธอล้มลงไปนั่งอยู่ใกล้ๆ กับซากศพของร่างไร้หัวใจ

มือเรียวปิดจมูกไว้เพราะกลิ่นคาวเลือด หน้าที่ขาวจนไม่ค่อยมีสีเลือดยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ ถึงแม้เธอจะโยนหัวใจที่มีเขี้ยวปักอยู่ทิ้งไปไกลแล้ว แต่ว่าภาพของหัวใจชุ่มเลือดที่กำลังเต้นไปมาราวกับมีชีวิตก็ยังคงติดตาเธออย่างชัดเจน

“โฮกกกก!!!”

พลันเสือสองตัวก็พุ่งเข้ามาเตรียมจะฉีกกระชากผู้ที่สังหารเพื่อนของพวกมันอย่างรวดเร็ว เด็กสาวเบิกตากว้าง ก่อนที่จะรีบกลิ้งหลบเสือตัวแรกที่เกือบจะขย้ำเธอไปพร้อมๆ กับพื้นตึก เธอรีบลุกขึ้นพลางตวัดลวดจนขาหนึ่งข้างของเจ้าตัวนั้นขาดกระเด็นทันที โจ๊กเกอร์รีบหันหน้าหนี เดิมทีเธอก็เป็นแค่เจ้าของบริษัทร้านกาแฟที่เรียนรู้วิธีการต่อสู้มาเท่านั้น ถึงจะพอทนภาพของบาดแผลฉกรรจ์ได้บ้าง แต่ก็ต้องไม่ใช่ภาพของหัวใจที่ถูกควักออกมากับขาที่ถูกตัดกระเด็นออกมาอย่างแน่นอน

พลั่ก!

เสืออีกตัวที่เตรียมลอบกัดเข้าไปพุ่งใส่โจ๊กเกอร์จนเจ้าตัวชนกระเด็นออกมาสองสามเมตร เธอรีบตะกายขึ้นมาหลบการโจมตีอีกครั้งได้อย่างเฉียดฉิว เด็กสาวส่งเสียงขัดใจในลำคอ ภาพก่อนหน้านี้ถูกยัดเข้ากรุชั่วคราว เธอเตะเสือตัวที่เข้ามากัด ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปตั้งหลักใหม่อีกครั้ง

Turbo Joker’s boot!

พลันร่างของเด็กสาวก็ขึ้นไปอยู่บนที่สูงภายในชั่วพริบตา เธอรีบจัดแจงเอาลวดไปมัดเสือที่เหลือทั้งหมดเพื่อไม่ให้มันตั้งตัวก่อนที่จะโรยผงยานอนหลับไปตาลวดทันที ผงพวกนี้มีแค่สามขวดก็ใช้ได้หมดแล้ว ถึงโจ๊กเกอร์จะพกมาไม่มาก แต่ก็พอสำหรับเสือพวกนี้

Time of lullaby!

“ฝันดีนะเจ้าพวกเสือปากเหม็นเอ๊ย!”



โจ๊กเกอร์กับหลงเฟยที่ยืนอยู่ท่ามกลางหนองน้ำสีแดงสดทำความสะอาดอาวุธของตนเงียบๆ เพราะศัตรูมีเยอะเอาการโดยเฉพาะกระต่าย เลือดส่วนมากจึงแห้งกรังติดอาวุธจนดูทั้งน่าสะพรึงและน่ารังเกียจอย่างอดคิดไม่ได้ สักพักหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ โจ๊กเกอร์ก็แนะนำให้ไปสมทบกับพวกมาเรียดีกว่า เพราะพวกเขายังไม่แน่ใจว่าพวกเครมิสจะไปทางไหน

“ก็คงใช่” หลงเฟยพูดอย่างเห็นด้วย

เขาเดินออกมาจากตึกเปื้อนเลือด จากนั้นค่อยเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ ซึ่งเด็กสาวก็เดินตามอย่างรู้งาน ทั้งสองเดินอย่างระมัดระวังเพราะไม่แน่หมีหิมะน้ำแข็งอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้

...หรือไม่พวกมันก็อาจจะเจอกับพวกมาเรียแล้วเรียบร้อย



“วะ เหวอ!” เฟรนร้องออกมาสุดเสียงหลังจากที่เขาเพิ่งโยนก้อนหินหนักเป็นกิโลใส่จนหมีหิมะน้ำแข็งนั่นแตกละเอียด ทว่ามันกลับกลับไปรวมตัวเหมือนเดิมอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

ถึงจะมีแค่ตัวเดียวแต่กลับไม่ง่ายเลยซักนิด!

“ว้าว น้องหมีเก่งจัง!” ทางด้านเครมิสที่มองเฟรนฟัดกับหมีอย่างเอาเป็นเอาตายเชียร์ศตรูของตัวเองอย่างน่าถีบเป็นที่สุด และแน่นอนว่ามาเรียยันให้เรียบร้อยแล้ว

“โอ๊ย ใจร้ายอ่ะมาเรอีเน่!” เครมิสลูบก้นตัวเองป้อยๆ ซึ่งก็ถูกมาเรียค้อนใส่เข้าให้

“นายก็ไปช่วยหมอนั่นสิ!”

แล้วทำไมเจ๊ไม่มาช่วยเองล่ะครับ!?!

เฟรนคิดในใจ แน่ล่ะว่าถ้าพูดออกไปคงถูกกระทืบกลับมาแล้วล่ะมั้ง

“ง่า” เครมิสเบ้ปาก “ไปช่วยก็ได้!”

ว่าจบมังกรบ้าหัวแดงก็ร่ายเวทไฟเผาหมีตัวนั้นจนละลายทันที เครมิสส่ายหัวน้อยๆ ก่อนที่จะกลับมายิ้มแฉ่งให้คนด้านหลัง

“เห็นมั้ยๆ ง่ายนิดเดียว...”

“คุณเครมิส ระวัง!!”

เฟรนตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นว่าหมีตัวนั้นรวมตัวกลับมาอีกครั้ง มันรีบวิ่งกลับไปหาเครมิสอย่างรวดเร็วกว่าที่พวกเขาเคยเห็นมา เฟรนพยายามวิ่งไปช่วยให้ทันแต่กลับถูกมาเรียหยุดไว้

“คุณมาเรีย?”

“เชื่อใจในเพื่อนของนายหน่อยสิ” มาเรียว่า “คิดว่าเครมิสที่นายรู้จักอ่อนแอขนาดที่จะถูกลอบโจมตีได้ง่ายขนาดนั้นหรือไง”

เคร้ง!!!

เสียงของกรงเล็บปะทะกันอย่างรุแรงจนเฟรนต้องกลับมาสนใจอีกครั้ง เครมิสเหยียดรอยยิ้มหวาน กรงเล็บแข็งแกร่งอันเป็นสัญลักษณ์ของมังกรสะกัดกั้นกรงเล็บของหมีหิมะน้ำแข็งได้อย่างเฉียดฉิวจนแทบหัวใจวาย เขาร่ายเวทไฟกองที่แรงกว่าอันก่อนหน้านั้นใส่หมีหิมะน้ำแข็ง จนเฟรนต้องเอ่ยปากเพราะไม่ต้องการให้เสียเวลา

“เผาไปมันก็กลับเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละครับคุณเครมิส!”

เจ้าของกองเพลิงที่กำลังเผาหมีหิมะยิ้มหวานพลางเผาต่อไป เขาพูดอย่างแน่วแน่ “ถ้างั้นเราจะเผาให้หมดเลย เราจะเผาไม่ให้เหลือแม้แต่ถ่านเลยคอยดู!”

“สมกับที่เป็นผู้ถือกุญแจแห่งไฟ” มาเรียยิ้มหวานพลางมองหมีที่ถูกเผาจนไม่เหลืออะไรจริงๆ

“นั่นสินะครั...” เฟรนที่กำลังจะพูดเห็นด้วยชะงักกึก “คุณเครมิส!”

มาเรียหันไปมองเครมิสบ้าง เมื้อกี้หลังจากที่หมีนั่นถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่ซากเขาก็ล้มลงไปเลย แต่พอเฟรนวิ่งไปอยู่ข้างหน้าเขาเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็เผยสีหน้าแปลกๆ ทันที

“โกหก...” เครมิสเบิกตากว้างพลางเอียงคอถาม “เฟรเนกาเอร่าโกหกเราทำไมอ่ะ?”

เฟรนผงะ เขาไปโกหกอะไรเครมิสเมื่อไหร่กัน?

“มาเรเนียก็โกหกเรา...ทำไมล่ะ” เครมิสยังคงถามต่อไป ทั้งๆ ที่น้ำเสียงและท่าทางไม่ได้ดูแปลกเลยซักนิด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...แต่เฟรนกับมาเรียไม่คิดว่าเขาไม่แปลกเลยซักนิด!

“โกหก...โกหก...โกหก....โกหก” เครมิสท่องคำนี้ไปๆ มาๆ ยิ่งท่องก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนแผ่นเสียงเจ๊งๆ

“เดี๋ยว! ผมยังไม่ได้โกหกอะไรคุณเลยนะครับ” เฟรนรีบพูด แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเครมิสแล้วก็รีบหันไปถามมาเรียที่น่าจะรู้ทันที “คุณมาเรียครับ เกิดอะไรขึ้น?”

มาเรียพูดเรียบๆ เหมือนไม่ได้แปลกใจอะไร “คำสาปน่ะ...คำสาปแห่งการโกหก เหมือนมันจะกำเริบแล้วนะ”

เฟรนทำหน้าตกใจ เขามองเครมิสที่พูดกับตัวเองไปมา

“เฟรนเนอาเกร่ากับมารีนาเร่โกหกเรา งั้นคนอื่นจะโกหกเราหรือเปล่านะ?”

“...”

“ถ้างั้นคนอื่นก็คงจะเกลียดเราสินะ ที่บอกว่ารักคือเกลียดสินะ...ก็แน่ล่ะ ก็พวกเขาโกหกเรานี่นา”

“...”

“โกหก...โกหก...โกหก...ทำไมทุกคนถึงโกหกเรากันนะ? ถ้างั้นเราควรจะกลียดเขาดีมั้ย?”

“...”

“ถ้างั้นก็คงต้องแก้แค้นสินะ...เริ่มจากใครก่อนดีนะ?”

เฟรนที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็ห้าซีดทันที เขารีบพูดกล่อมแบบกล้าๆ กลัวๆ “พวกเราไม่ได้โกหกคุณนะครับ คุณแค่โดนคำสาปเท่า...!!!”

“เริ่มจากเฟรนีเอร่าเลยล่ะกัน” เครมิสยังคงพูดด้วยสำเนียงเด็กๆ อยู่ ทว่าร่างของตัวเองกลับยืนประชิดกับเฟรนพร้อมกรงเล็บแข็งแกร่งที่กางอยู่ด้านหน้าเตรียมตะปบเขาได้ทุกเมื่อ

“คุณเครมิส!” เฟรนร้องอย่างตกใจ

“เครมิส!” ไม่เว้นกระทั่งมาเรีย เธอรีบวิ่งไปทางเฟรนทันที พวกเขาห่างกันประมาณไม่กี่เมตร แต่เวลาในการวิ่งแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับการฆ่า...เฟรน

“เฟรโนเรล่าโกหกเรา...” เครมิสพูดพร้อมรอยยิ้มที่ไม่สื่อความหมายอะไรออกมาทั้งสิ้น ต่างจากรอยยิ้มที่มักจะแสดงความดีใจของเจ้าตัวลิบลับ

“หยุดซะเครมิส!” มาเรียตะโกนสุดเสียง “ฆ่าผู้เข้าแข่งขันด้วยกันตอนนี้น่ะผิดกฎนะ!”

เฟรนเบิกตากว้างใต้แว่นหนาของตน นี่เขาจะต้องมาตายตอนนี้งั้นเหรอ?...

“เพราะคนโกหกสมควรที่จะโดนเราแก้แค้น...” เครมิสพูดก่อนที่จะตวัดกรงเล็บอย่างรวดเร็วและรุนแรง “ลาก่อนน้า...เฟรนนี่”





*************************************************


ชึบ!!!

ตัดจบได้เลวมาก เอากรรมไปคนสุดท้าย กร๊ากกกกกก! + +

เทิร์นต่อไปจะเป็นยังไงหนอ~

เฟรนจะถูกเครมิสฆ่าหรือไม่!!?

โฮะๆๆ มีความสุข~<<<<เลวนัก...


แก้ไขล่าสุดโดย Chalela เมื่อ Tue May 15, 2012 11:39 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Chalela
Chalela

จำนวนข้อความ : 158
Join date : 25/04/2012
Age : 25

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  parima28 Mon May 14, 2012 9:59 pm

มาจองด้วยขอรับ~ =w=d เริ่มคึกแล้ว~ (ปิดตั้งสองเทิร์น Orz...)
ป.ล. เทิร์นนี้กากมาก เนื่องจากถูกดอง และถูกตัดไปมากมาย ทำให้ตอนนี้รู้สึกว่ามันออกมาแปลกๆ... แต่ช่างเถอะ //โดนตบ// สำนวน การจัดหน้า และคาแรกเตอร์อาจแปลกบ้างอะไรบ้าง ขอให้ทุกท่านอภัยให้กระผมด้วย (_ _) ...
----------------------------------------------
TURN 4


ปวดหัวจริงๆ รู้สึกเหมือนในสมองนั้นว่างเปล่า...

เราเผลอทำอะไรผิดไปหรือ? ทำไมถึงถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น...

สายตาที่เคยเห็นในกระจก...

...สายตาของคนที่โดนหักหลัง...

-------------------------------------------------------------------------------------

กรงเล็บของเครมิสถูกตวัดอย่างรวดเร็วและรุนแรงเข้าใส่เป้าหมาย ชั่ววินาทีก่อนที่กรงเล็บมังกรจะถูกตัวของเฟรนนั้น ชายหนุ่มสวมแว่นตาได้เอ่ยคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างแผ่วเบา...

กึก เคร้ง!

เคียวสีฟ้าใสบริสุทธิ์ทำการสะกัดกั้นการโจมตีของเครมิสไว้ ในขณะที่เส้นลวดขนาดเล็กก็ทำการกระชากเป้าหมายหัวดำให้ออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงได้ทันเวลา

“นายกะจะยืนให้เครมิสเสียบตายอยู่ตรงนั้นเลยหรือไงหา!?” โจ้กเกอร์พูดขึ้นอย่างหัวเสีย หลังจากที่ลากเฟรนให้ห่างออกมาจากที่เกิดเหตุได้ในระยะหนึ่ง

เฟรนขยับแว่นตาที่ปัจจุบันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงขอบ ก่อนจะฉีกรอยยิ้มพิมพ์ใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณหน่อยนะครับ ระหว่างคนกับมังกร...อันไหนมันจะเร็วกว่ากัน?”

“...” โจ้กเกอร์รู้สึกอยากตั้นหน้าพาทเนอร์ของตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ

โครม!

ในขณะที่โจ้กเกอร์และเฟรนกำลังสนทนาภาษาพาทเนอร์กันอยู่นั้น เครมิสที่หยุดการเคลื่อนไหวไปสักพัก เริ่มทำการโจมตีหลงเฟยและมาเรียที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกครั้ง

“...เขาเป็นอะไร” หลงเฟยถามขึ้นในขณะที่กำลังหลบการโจมตีของเครมิส

“ดูเหมือนว่าคำสาปจะกำเริบ” มาเรียตอบ “ตอนนี้คงจะคุมสติไม่อยู่แล้ว ล่อไว้ก่อนเดี๋ยวฉันจะทำให้เขาสลบเอง” มาเรียสั่งการกับหลงเฟยก่อนที่ตัวเองจะวิ่งอ้อมไปอยู่ด้านหลัง

“...” หลงเฟยพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเริ่มมองดูท่าทีของเครมิส และคอยหลบการโจมตีไปมา

“เครมิส อย่าให้คำสาปครอบงำเจ้าสิ” หลงเฟยเอ่ยกับเครมิสเสียงเบา

“โกหก... โกหก... โกหก... ”เครมิสยังคงโจมตีสะเปะสะปะ และพูดว่า โกหก ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง

บางทีตอนนี้เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรด้วยซ้ำ... หลงเฟยคิดขึ้นในใจ

“งั้นก็ขอโทษด้วยนะ...” หลงเฟยพูดขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงเคียวเข้าประชิดตัวเครมิส

เครมิสใช้ความเร็วกระโดดหลบได้ทัน ก่อนจะอ้อมไปโจมตีหลงเฟยจากด้านหลัง ขณะที่กรงเล็บกำลังจะแทงลงไปอยู่นั้น...

พลั่ก!

มาเรียที่ดักซุ่มมานานก็ปรากฏตัว ก่อนจะใช้มือฟาดลงตรงท้ายทอยของเครมิสเต็มแรง จนเครมิสสลบไป...

“เอาล่ะทีนี้ก็หมดปัญหาสักที” มาเรียสะบัดมือไปมา ก่อนจะหันไปหาหลงเฟยและเฟรนที่เดินมาสมทบกันแล้ว

“ขอแรงท่านสุภาพบุรุษด้วยล่ะ” มาเรียพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเครมิสที่นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น “สุภาพสตรีต้องการพักผ่อนแล้ว”

เฟรนหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับหลงเฟยก่อนจะช่วยกันอุ้มเครมิสลงจากดาดฟ้าตึกอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย

"แล้วทีนี้จะเอาไงต่อ" โจ้กเกอร์หันไปคุยกับมาเรีย

"ฉันอยากจะให้เธอลองย้อนกลับไปหาซีโร่ หมอนั่นรู้จักที่ทางให้เมืองนี้มากที่สุด เขาน่าจะรู้ว่าปิเอโร่อยู่ไหน" มาเรียพูดขึ้นขณะที่กำลังจะลงจากตึก

โจ้กเกอร์พยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับ"...ก็ได้ แล้วพวกคุณจะรอฉันที่ไหนล่ะ"

"เอ่อ...ก่อนจะถึงวิหารไมนัส มีร้านเค้กที่ฉันไปทานประจำอยู่ เราจะไปรอเธอที่นั่น"

--------------------------------------------------------------
...
โกหก... โกหก...

ทุกคนกำลังโกหกเจ้า...

ทำไมล่ะ? ทำไมทุกคนถึงต้องโกหกเราด้วย?

คนโกหก... ต้องโดนลงโทษ...

ลงโทษแบบไหน?

ฆ่าซะ... ฆ่าทิ้งให้หมด...พวกนั้นโกหกเจ้า...

งั้นเหรอ... ถ้าอย่างนั้น...

“...ผมเชื่อใจคุณนะครับ”

พรึ่บ!

เครมิสลืมตาโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ เขากระพริบตาสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ ก่อนไปเริ่มลุกขึ้นแล้วหันมองดูรอบๆ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังอยู่บนชั้นสองของบ้านไม้เล็กๆ หลังหนึ่ง ข้าวของทุกอย่างในนี้ดูธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก เท่าที่สังเกตเห็นก็มีแค่ โต๊ะ เก้าอี้ และเตียงที่เขากำลังนอนอยู่ ...แต่ดูเหมือนข้าวของโดยรอบจะไม่เป็นที่สนใจของเขาเท่าไหร่

คนอื่นๆ ไปไหนกันหมดอ่ะ?

"อ้าว! คุณหลงเฟย คุณมาเรียครับ คุณเครมิสฟื้นแล้ว" เฟรนที่กำลังเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นเครมิสฟื้นแล้วก็ตะโกนเรียกหาคนอื่นทันที

"นี่เงียบหน่อยพ่อคุณ เดี๋ยวพวกสัตว์โลกน่ารักพวกนั้นก็แห่ตามมาหรอก..." มาเรียที่เข้ามาเป็นคนที่สองรีบพุ่งเข้ามาดูเครมิสทันที "รู้สึกยังไงบ้าง? คำสาปหายแล้วใช่ไหม"

เครมิสที่ตอนแรกยังมึนงงเล็กน้อย ยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะตนเองเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงสดใส "เอ๊ะ?...อะ ใช่แล้วล่ะ! เราไม่ปวดหัวแล้ว แล้วก็...เฟรนาราเน่ เราขอโทษด้วยนะเรื่องที่เกือบจะ...เกือบจะทำร้ายเฟรนนี่เนร่าไปน่ะ" เครมิสก้มหน้าลงนิ่งอย่างรู้สึกผิด

“ครับ ...ผมบอกคุณไปแล้วนี่นา ผมไม่โกรธคุณหรอก” เฟรนยิ้มรับจริงใจ

เมื่อเห็นเครมิสกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว มาเรียกับเฟรนก็โล่งใจขึ้นมาก แล้วประตูก็ถูกเปิดออกด้วยผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่ง

"ถ้าพร้อมกันหมดแล้วก็ลงมาคุยกันข้างล่างเสียที" หลงเฟยพูดเสียงเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไป

--------------------------------------------------------------


"...สรุปว่าตอนนี้พวกเรากำลังรอให้โจ้กกาเนวีย่ากลับมาหาสินะ!"

เมื่อทุกคนลงมาข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลงเฟยก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เครมิสฟัง

"ใช่ครับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนปัญหาจะไม่ได้มีแค่การตามหาคุณปิเอโร่อีกแล้ว..." เฟรนที่กำลังจิบกาแฟอยู่พูดขึ้น ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

ในตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในร้านเค้กร้านโปรดของมาเรียตามที่ได้นัดหมายกันไว้กับโจ้กเกอร์ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การตามหาปิเอโร่เพราะว่า...

บรรยากาศภายในของเมืองตอนนี้เป็นอะไรที่แตกต่างจากในยามปกติอย่างสิ้นเชิง เมืองที่เคยอยู่อย่างคึกคักตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากเมืองร้าง(จากการคาดเดาของหลงเฟย คิดว่าบางทีชาวเมืองทุกคนคงจะไปรวมตัวกันอยู่ที่งานแต่งงานหมดแล้ว) จากอากาศที่เคยร้อนบ้างเย็นบ้างตามสภาพ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีหิมะโปรยลงมาตลอดเวลาอย่างไม่ขาดสาย

...แบบนี้มันหายนะชัดๆ ยิ่งใกล้วิหารเท่าไหร่หิมะก็ยิ่งตกหนักขึ้นเท่านั้น คุณมารีอาต้องอยู่แถวนี้แหงๆ... เฟรนคิดขึ้นอย่างหวาดหวั่น

หลงเฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะปะทะกับพวกสัตว์โหดเถื่อนดิบนั่นอีกให้เปลืองแรงเหมือนกัน "ตอนนี้ทำได้แค่รอ..."

ปัง!

เสียงเปิดประตู(อย่างรุนแรง)ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของหลงเฟย ซึ่งผู้ที่เปิดประตูเข้ามาก็คือ...

“เฮ้! เจ้ามังกรติ๊งต๊องฟื้นแล้วใช่ไหม!?” ...โจ้กเกอร์นั่นเอง

"ครับ... นั่งทานเค้กอย่างมีความสุขกับคุณมาเรียอยู่ตรงนู้น" เฟรนพูดด้วยใบหน้าขึ้นอืด

"งั้นก็ดี รีบเผ่นกันเถอะ" โจ้กเกอร์พูดขึ้นขณะเริ่มเตรียมตัววิ่งอีกครั้ง

"หา... เธอหมายความว่ายังไง? แล้วปิเอโร่ล่ะ เขาอยู่ไหน!?" มาเรียวางช้อนที่กำลังตักเค้กลงในทันที ก่อนจะถามขึ้นโดยความโมโห

"ฉันรู้แล้วว่าเขาอยู่ไหน แต่ตอนนี้รีบหนีก่อนที่จะโดนกระต่ายขบหัวตาย!" โจ้กเกอร์พูดขึ้นแล้วออกวิ่งไปทันที

โครม!

เสียงหลังคาถูกอะไรสักอย่างพุ่งชนอย่างรุนแรง แทบจะทำให้ทุกคนกระเด้งตัวลุกขึ้นในทันที

"งือ...เรายังกินเค้กไม่หมดเลยอ่ะ" เครมิสน้ำตาร่วงด้วยความเสียดาย

"อย่าห่วงแต่เรื่องกินจะได้ไหมหา!" โจ้กเกอร์ทุบหัวเครมิสเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้

"แง๊..."

"เหอๆ... จะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าผมจะก็ขอนอนพักสักยี่สิบนาที" เฟรนพูดอย่างปวดตับ ก่อนจะรีบพุ่งออกจากร้านทันที

"ฝันไปเถอะ" เคียวสีฟ้าสวัดฟาดกระต่ายกินคนตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว

"ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับคุณหลงเฟย..."

ตึง โครม!

“จะมัวคุยกันอีกนานไหมยะ ช่วยกันสู้หน่อยเซ่!" มาเรียเรียกเคียวโซ่อาวุธของตัวเองออกมาบ้าง ก่อนจะฟัดกระต่ายสองตัวที่ขวางทางอยู่ตัวขาดเป็นสองท่อน... "โจ้กเกอร์! ตกลงปิเอโร่อยู่ที่ไหน"

"อ้อ...ก็อยู่ที่งานแต่งงานน่ะสิ" โจ้กเกอร์ตอบในขณะที่พยายามสลัดกระต่ายตัวหนึ่งให้พ้นทาง

"...อะไรกันอีกล่ะครับทีนี้" เฟรนที่ฟาดกระต่ายตัวหนึ่งหัวแบะ หันมาถามด้วยความเหนื่อยหน่ายใจสุดฤทธิ์

"ก็ตามที่บอกไป ซีโร่บอกฉันว่าหลังจากใบปลิวเริ่มว่อนไปทั่วเมือง เจ้าบ่าวปิเอโร่สุดแสนจะน่าถีบก็ไปรอเจ้าสาวของเขาที่งานแต่งเรียบร้อยแล้ว" โจ้กเกอร์พูดพร้อมจะใช้ลวดหักคอกระต่ายตัวหนึ่งด้วยความคลั่งแค้น แต่แล้วเธอก็ชะงักไปนิดหน่อย "เฮ้ ทุกคน! ฉันลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง..."

"อะ อ้าว? แล้วเขาจะให้เราตามหาปิเอโร่ทำไมอ่ะ" เครมิสที่กำลังตะรุมบอลกับเหล่ากระต่ายถามด้วยความสงสัย

"ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ พวกคุณต้องหาร่างปลอมของผมต่างหากล่ะครับ" ปิเอโร่พูดขึ้นพร้อมกับเตะกระต่ายตัวหนึ่งไปข้างทาง

"อ้อ..." ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ...

?

ทุกคนที่กำลังวิ่งและสาละวนกลับการกำจัดกระต่ายสะดุดกึก ก่อนจะหันหน้าไปมองตัวต้นเหตุอย่างช้าๆ...

"เฮ้ย!!!"

"...เมื่อกี้ฉันกำลังจะบอกอยู่แล้วเชียว" โจ้กเกอร์พูดขึ้นก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ทำไมไม่รอให้ไปถึงแล้วค่อยบอกเลยล่ะครับ..." เฟรนพูดประชด ก่อนจะหันไปมองหลังคาวิหารที่เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ "หวังว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรอกนะ..."

ครืน เปรี้ยง!

'โซเรน~~~~!!!'

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวกับจำนวนหิมะที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเสียงตะโกนร้องหาปิเอโร่ ที่กำลังทำลายโสตประสาททุกคนอยู่ในขณะนี้

"บอกฉันที ว่าตอนนี้เราไม่ได้โดนวิญญาณแค้นไล่ล่าอยู่!!!" โจ้กเกอร์ตะโกนขึ้นอย่างปลงไม่ตก

"แล้ววิญญาณแค้นมันกินได้ไหมอ่ะ?" เครมิสที่เงียบมานานถามขึ้นด้วยความสงสัย

"...มันกินไม่ได้ ถ้าเจ้าจะถามแบบนี้ อยู่เงียบๆ ไปจะดีกว่า" ดูเหมือนว่าหลงเฟยจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

"...แล้วทีนี้จะเอายังไงกันดีครับ ดูเหมือนคุณมารีอาจะใกล้เข้ามาแล้ว" เฟรนถามขึ้นขัดการสนทนาที่อาจออกทะเลไปไกลถ้าไม่รีบหยุด

"บางทีหนีไปที่วิหารอาจจะช่วยอะไรได้ก็ได้นะครับ" ปิเอโร่ตอบ

"ถ้าอย่างนั้นฉันก็หวังว่า แม่นายจะไม่ไปพังวิหารไมนัสจนย่อยยับ..." มาเรียเอ่ยประชดเสียงเรียบ

ตู้มมมมมมมมมมมม!!!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง หยุดคำพูดของมาเรียแทบจะให้ทันที แรงระเบิดรวมกับพายุหิมะขนาดย่อมทำให้พวกมาเรียต้องถอยหลังหลบกันไปหลายก้าว กระต่ายที่ตอนแรกอยู่รอบตัวตอนนี้กลับหายไปจนหมด โจ้กเกอร์และหลงเฟยขยับอาวุธในมือของตัวเองเบาๆ เพื่อเป็นการเตรียมตัว

หวังว่าเลดี้มารีอาจะมีเงินมากพอชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้นะ... เหล่าผู้เข้าแข่งขันทั้งสี่ต่างคิดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“นี่มันอะไรกัน!!!” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน ดูเหมือนว่าความคิดที่จะหนีมารีอาคงไม่จำเป็นอีกต่อไป

"ปิเอโร่ลูกรัก ใบปลิวพวกนี้มันอะไรกัน...ทำไมลูกถึงไม่ยอมบอกแม่เลยล่ะ!?" เลดี้มารีอามองหน้าปิเอโร่แล้วพูดด้วยน้ำตาคลอ

"ขอโทษด้วยครับท่านแม่ จริงๆ แล้วคนที่ปล่อยใบปลิวพวกนี้ออกมาคือซีโร่น่ะครับ" ปิเอโร่ตอบโดยรอยยิ้มก่อนจะพึมพำว่า 'ผมแค่สมรู้สมคิดด้วยเฉยๆ' ออกมาเบาๆ

...เรื่องนี้ช่างซับซ้อนดีจริงๆ เฟรนคิดขึ้นมาในใจ

"ซีโร่งั้นเหรอ ได้! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน..." อยู่ดีๆ มารีอาก็หันไปมองมาเรีย ก่อนจะเอ่ยขึ้น "แล้วเธอล่ะ รู้เห็นอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า!?"

มาเรียที่ยืนนิ่งมานานตอบ "ไม่ค่ะ ฉันก็พึ่งมารู้เมื่อตอนใบปลิวนั้นร่อนไปทั่วเมืองแล้วเหมือนกัน"

มารีอาเปรยตามองมาเรียอย่างเย็นชา "หึ... งั้นก็ดี ยกเลิกแต่งงานนั้นซะ แล้วฉันจะพาสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของฉันกลับ..."

"ไม่ได้! / ไม่ครับ!" มาเรียและปิเอโร่ร้องขัดขึ้นมาพร้อมกัน

"ทำไมจะไม่ได้!!!" มารีอาเริ่มโมโหอย่างรุนแรง สภาพอากาศโดยรอบเริ่มแปรปรวนอีกครั้ง "ถ้าพวกเธอไม่ไปยกเลิกงานแต่งงานล่ะก็... ฉันจะพังเมืองนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง!!!"

"ถึงฉันจะไม่ได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก แต่ฉันก็ไม่ยอมให้งานนี้ล้มเลิกไปอยู่ดี" ถึงมาเรียจะพูดแบบนั้น แต่มารีอาก็สะบัดหน้าทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่มาเรียพูด

ปิเอโร่เห็นท่าไม่ดีเลยเริ่มช่วยพูดบ้าง "ท่านแม่ครับ ตอนนี้งานทุกอย่างก็ทุกจัดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว มีแขกมากันเยอะแยะ.." มารีอายังคงทำถ้าไม่สนใจอยู่เหมือนเดิม

...แล้วเรื่องนี้มันจะจบลงดีๆ ไหนเนี่ย? เหล่าผู้เข้าแข่งขันคิดขึ้นในใจ

ปิเอโร่จึงเริ่มงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา "ผมขอร้องล่ะครับ ...ถ้าท่านแม่อนุญาต ผมจะไปอยู่กับท่านแม่เป็นเวลา7วัน แล้วต่อจากนั้นก็จะหาของขวัญ... เวลาไปเยี่ยมบ่อยๆ ด้วยครับ"

“แต่พอลูกแต่งงานไป ลูกก็จะลืมแม่น่ะสิ!” มารีอายังคงไม่ยอมแพ้

“ไม่หรอกครับ! ผมจะรักท่านแม่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ต่างหาก เพราะฉะนั้น...ให้ผมแต่งงานเถอะนะครับ ท่านแม่จะได้อุ้มหลานเร็วๆ ด้วยไง” ปิเอโร่ฉีกยิ้มน่ารักพร้อมกับทำตาวิ้งๆ

มารีอาหันกลับมามองลูกชายของเธอ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบาง "ก็ได้ ฉันจะปล่อยทุกคนไป" ขอแค่ปิเอโร่สัญญาว่าจะมาอยู่กับเธอ มาเยี่ยมบ่อยๆ และจะรักเธอมากขึ้น ก็ถือว่าเธอได้กำไรและเอาชนะยัยลูกสะใภ้ได้แล้ว ส่วนเรื่องลูกสะใภ้เธอค่อยหาทางจัดการทีหลังก็ได้... "แต่ว่า!"

"...!?" เสียงตะโกนของมารีอาทำให้ทุกคนตกใจจนสะดุ้ง

มารีอาฉีกยิ้มน่ารัก แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งก่อนจากลา "ถึงฉันจะยอมแล้ว แต่ฉันก็อยากส่งของขวัญให้พวกเธอสักหน่อย..." อยู่ดีๆ สัตว์เลี้ยงทุกชนิดของมารีอาก็ปรากฏขึ้นจากรอบทิศทาง

ลางร้าย...ลางร้ายชัดๆ! ทุกคนกู่ร้องขึ้นมาในใจพร้อมกัน

"เอาล่ะ ถ้าอยากจะแต่งงานกันนักล่ะก็... ต้องฝ่าดงสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของฉันไปให้ได้ล่ะ!" มารีอาหัวเราะฮึฮึในลำคอ ก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ก่อนจะส่งสายตามาประมาณว่า 'เรื่องที่พวกเธอฆ่าสัตว์เลี้ยงของฉันก่อนหน้านี้ มันไม่จบง่ายๆ แน่!'

"เฮ้อ...จะมีสักครั้งที่ผมได้หยุดพักแบบสบายๆ บ้างไหมเนี่ย" เฟรนพึมพำอย่างเอือมระอา พร้อมกับเริ่มเตรียมตัววิ่งออกจากจุดเริ่มต้นเป็นครั้งที่สามได้แล้วมั้ง... หรือสี่?

หลงเฟยขยับเคียวในมือให้อยู่ในท่าที่ถนัด ก่อนจะตอบด้วยประโยคเดิมที่พูดไปก่อนหน้านี้ "...ฝันไปเถอะ"

"...ถ้ามาถึงตรงนี้ผมก็คงต้องขอลา" เมื่อปิเอโร่พูดจบ ตัวของเขาก็ระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มควันสีชมพู พร้อมก็ทิ้งกระดาษเล็กๆ ใบหนึ่งไว้

'ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ ผมจะรออยู่ที่งานแต่งงาน Smile จาก ปิเอโร่' นั่นคือข้อความที่อยู่ในนั้น...

...มันเอาอีกแล้ว!!! มาเรียฉีกกระดาษในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า

"วิ่ง!!!"

---------------------------------------------------------------------------

วิหารไมนัสวันนี้ดูคึกคักมากกว่าทุกวัน เพราะวันนี้มีการจัดงานแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี

ชาวเมืองจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาที่นี่เพื่อร่วมแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาว และในงานนี้คู่บ่าวสาวยังได้รับเกียรติจากพระราชาแห่งไมนัส
เพราะพระองค์ทรงมารับหน้าที่บาทหลวง เพื่อเป็นศักขีพยานให้กับคู่บ่าวสาวด้วยตัวพระองค์เอง หิมะที่โปรยปรายอยู่ภายนอกนั่นช่างงดงาดเหลือเกิน...
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สำหรับพวกมาเรียสักเท่าไหร่

ปัง!

ประตูวิหารไมนัสถูกเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะเป็นการปรากฏตัวของเจ้าสาวและคณะที่มาถึงที่นี่เป็นกลุ่มสุดท้าย

ชาวบ้านที่หันไปมองด้วยความยินดี ถึงกับต้องชะงักกึกเมื่อมองเห็นเจ้าสาวและเหล่าคณะผู้ติดตาม...

เจ้าสาวที่ยังไม่ได้อยู่ในชุดแต่งงานมีรอยเลือดและรอยแผลหลายรอยปรากฏขึ้นตามตัวเช่นเดียวกับเหล่าผู้ติดตาม รอยเลือด เส้นผมฟูฟ่อง รอยกัดที่ต้นแขน รอยข่นบริเวณลำตัว หิมะ และซากขนสัตว์ ...นี่พวกเขารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังมางานแต่งงาน?

"ถึงสักที!!!" หญิงสาวผมสีขาวร้องออกมาด้วยความยินดีสุดชีวิต ก่อนจะทำท่าทางเหมือนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่

"เฮ้อ..." ชายหนุ่มผมสีดำถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะเอาตัวพิงกับประตูวิหารเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยล้า

"เราหิวมากเลย..." เด็กหนุ่มผมสีแดงพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าหงอยๆ น้ำตาคลอ เล่นเอาป้าๆ ยายๆ แถวนั้นอยากกระโดดเข้าไปกอดปลอบให้รู้แล้วรู้รอด

"..." หญิงสาว(?)ผมสีฟ้ายืนนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา แต่อาการตัวเซหน่อยๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวก็เหนื่อยไม่น้อยเหมือนกัน

และแล้วก็มีถึงคนสุดท้าย...เจ้าสาวของงานในวันนี้

เธอถือเคียวโซ่เปื้อนเลือดไว้ในมือ อย่างกับพึ่งไปผ่านสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ไหนสักแห่งมา

ผมสีทองยุ่งเหยิง ดวงตาสีเขียวฉายแววโกรธเกรี้ยวอย่างปิดไม่มิด ...เธอคงไม่ได้เข้าใจผิดว่าพวกเรากำลังทำสงครามกันอยู่หรอกนะ?

เจ้าสาวและคณะเริ่มทยอยเข้ามาในวิหารอย่างทุลักทุเล ยังไม่ทันที่ประตูวิหารจะปิดสนิท อยู่ดีๆ ก็มีเสือน้อย(?) ตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาในทันที

ในวินาทีนั้นเอง เคียวสีฟ้าบริสุทธิ์และเคียวโซ่คมมีดสีเทาก็ตวัดวูบเข้าใส่เสือตัวน้อยจนขาดเป็นสี่ท่อน... เลือดสีแดงสาดกระเซ็นทั่วทั่งประตูวิหาร โดยมีหัวของเจ้าเสือตัวน้อยประดับอยู่หน้าประตูอย่างพอดิยพอดี และแล้วประตูวิหารไมนัสที่ถูกแต่งเต็มจนวิจิตรตระการตาก็ถูกปิดลง

...มีชาวบ้านหลายคนสลบและวิ่งไปอ้วกเป้นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เจ้าสาวและคณะเพียงแค่ทำหน้าเบื่อหน่าย

"ทำไมถึงตามไม่เลิกแบบนี้นะ อยากจะบ้าตาย!" หญิงสาวผมขาวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

"ไม่น่าจะมีแล้วล่ะครับ ตอนนี้ประตูก็ถูกปิดแล้ว" ชายผมดำเอ่ยตอบเสียงเบา

"เราหิวมากเลย... เราหิวมากๆ แล้วนะ!" เด็กหนุ่มผมแดงร้องเสียงดัง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาตามหาของกิน

"..." และหญิงสาว(?) ผมฟ้าก็ยังทำหน้าเย็นชาอยู่ตามเดิม

"เข้าไปในโบสถ์ได้แล้ว! พยายามช่วยฉันให้ได้แต่งงานเร็วๆ สักหน่อยเซ่!" คุณเจ้าสาวตะโกนเสียงดังก่อนจะก้าวเดินไปทางโบสถ์อย่างรวดเร็ว

"แล้วที่ผ่านมาเนี่ย เขาไม่เรียกว่าช่วยแล้วหรือไง..." หญิงสาวผมสีขาวบ่นเสียงเบา แต่สุดท้ายก็ตามไปพร้อมกับคนอื่นๆ อยู่ดี

และชาวบ้านหลายคนก็รู้สึกแล้วว่า... การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ...

----------------------------------------------------------------------------------


"มาเรีย!!!~" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่พวกมาเรียจะเดินทางถึงประตูโบสถ์

"...คันนา" มาเรียเรียกหญิงสาวคนนั้นด้วยความยินดี

...ใครอีกล่ะหว่า? เฟรนคิดขึ้นมาในใจ

"ตายแล้ว! ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ ไม่ได้ล่ะๆ เดี๋ยวดิฉันแต่งตัวให้ใหม่..." แล้วหญิงสาวผมสีครามก็หันมาหาเล่าผู้เข้าแข่งขัน "ส่วนพวกคุณเข้าไปรอในโบสถ์ก่อนได้เลยค่ะ" เธอยิ้มให้กับทุกคน

"ก็ดี ตอนนี้ฉันอยากพักมากเลย" โจ้กเกอร์เป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในโบสถ์

"...ขอบคุณ" หลงเฟยเอ่ยเบาๆ ก่อนจะตามเข้าไป

"เดี๋ยวสิโจ้กเกเรโนร่า! เราหิวง่ะ หาอะไรให้เรากินก่อนสิ!" เครมิสวิ่งตามโจ้กเกอร์เข้าไปในโบสถ์อีกคน

"...ผมขอตัวไปนอนพักแทนได้ไหมเนี่ย?" เฟรนพึมพำกลับตัวเองเบาๆ แต่สุดท้ายก็ตามทุกคนเข้าไปอยู่ดี

......

...

.

ภายในโบสถ์ถูกประดับด้วยดอกกุหลาบชมพูอ่อนตามแถวที่นั่ง ด้านหน้าแท่นพิธีมีปิเอโร่ในชุดเจ้าบ่าวกำลังส่งยิ้มให้กับเหล่าแขกผู้พึ่งมาถึง ส่วนทางด้านหลังแท่นก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนถือคถาอยู่อย่างสงบ

เขามีเส้นผมสีชมพูปรกท้ายทอย ดวงตาแดงราวกับโลหิต ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มเยาะเย้ยน้อยๆ ให้กับเหล่าผู้มาใหม่ แทบไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าเขาเป็นใคร เพราะคนที่มีลักษณะแบบนี้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น ...เอลลูญ์ ราชาแห่งไมนัส...

โจ้กเกอร์มองเอลลูญ์นิดหน่อยก่อนจะไปนั่งตรงที่ว่างที่เหลืออยู่ข้างเรย์คุ จากที่ลองสังเกตดูแล้ว ดูเหมือนว่าผู้แข่งขันคนอื่นๆ ก็ต้องมาเข้าร่วมงานนี้เหมือนกัน

"นี่เธอ... ไปคลุกเชื้อโรคที่ไหนมาบ้างเนี่ย!? ไม่ต้องมาใกล้ๆ เลยนะเฟ้ย พวกเรามางานแต่งงานนะไม่ใช่งานประลองใต้ดิน!" เรย์คุมองโจ้กเกอร์กับทุกคนที่มาใหม่อย่างสยดสยองสุดชีวิต

โจ้กเกอร์ทำหน้าเหมือนหมั่นไส้เรย์คุเต็มที ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ เรย์คุขึ้นเรื่อยๆ

"ว้ากก!~ เข้ามาทำไมยัยบ้า! ถอยออกไปเลยนะเฟ้ย!"

"เงียบๆ หน่อยซิ โดนแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก!" โจ้กเกอร์ขยับที่ให้กับหลงเฟยที่ตามมาทีหลัง

หลงเฟยมองเอลลูญ์อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเงียบๆ

"แง๊! ทำไมโจ้กกาลาเน่กับหลงฟาราโอนี่ไม่รอเราเลยอ่ะ" เครมิสที่ตามมาทีหลังนั่งลงตรงที่ว่างสุดท้ายในแถวข้างๆ หลงเฟย "...นี่ๆ หลงเฟเยอาล่า คนที่หัวสีชมพูเหมือนสายไหมตรงนั้นคือใครอ่ะ? มีของกินไหม?" เครมิสหันไปถามหลงเฟย

"...เขาคือเอลลูญ์ ราชาของไมนัส ถ้าอยากรู้ว่าเขามีของกินไหม เจ้าต้องลองไปถามเอง" หลงเฟยตอบเสียงเรียบ

"งืมๆ...อ๊ะ เค้ก!" เครมิสที่ตอนแรกกำลังจะไปลองถามเอลลูญ์เรื่องของกิน เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อมองเห็นเค้กแต่งงาน

"เอ่อ...ขอโทษที่มาสายครับ" เฟรนที่มาช้าที่สุดเอ่ยขอโทษ ก่อนจะเริ่มมองหาที่นั่งสำหรับตัวเอง

ที่นั่งตรงคุณเครมิสเต็มแล้ว งั้นยังเหลือ...เฟรนสะดุดอยู่ตรงที่ว่างหลายที่ข้างๆ ไบฮาร์ท...

ทำไมตรงนั้นมันเหลือที่ว่างเยอะจัง นี่ทุกคนจงใจหนีคุณไบฮาร์ทกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เฟรนได้แต่กลืนน้ำลายยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายอยู่คนเดียว

"เจ้าสาวมาแล้ว!!!~ " เสียงตะโกนของคนๆ หนึ่งดังขึ้น พร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลงจากเหล่านักดนตรีหน้าประตู

มาเรียที่ตอนนี้อยู่ในชุดแต่งงานสีขาว และสวมผ้าบางๆ คลุมใบหน้าเอาไว้ ในมือของเธอถือช่อดอกไม้สีแดงงดงาม

ซึ่งเหมือนกับสีเลือดที่ละเลงอยู่หน้าประตูวิหารไม่มีผิด...เฟรนแอบคิดขึ้นมาในใจเงียบๆ

"เอาล่ะ ข้าขอให้ทุกคนยืนขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าสาว" เอลลูญ์เอ่ยขึ้น และทุกคนในก็ลุกขึ้นยืน

ที่ด้านหลังของมาเรียมีไดอาน่าและเดวิดที่คอยเดินถือกระโปรงมาให้ จนมาถึงบริเวณด้านหน้าแท่นพิธี

ปิเอโร่ยิ้มให้มาเรียน้อยๆ เมื่อมาเรียมาประจำที่หน้าแท่นพิธี

"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มีร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของปิเอโร่และมาเรียเพื่อนรักของข้า..."เอลลูญ์ยังคงกล่าวเริ่มพิธีการต่อไป "ทุกท่านนั่งลงได้"

"เราหิวงะ อุบ!" เครมิสที่กำลังจะบ่นถึงความหิวของตัวเอง ถูกหลงเฟยปิดปากได้ทันเวลาก่อนที่จะกลายเป็นตัวการทำพิธีล่ม

เอลลูญ์หันมองเครมิสอย่างเย็นชาก่อนกล่าวต่อ "มาเรีย เจ้าจะรับปิเอโร่เป็นสามี ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข มั่งมีหรือยากจน และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าจะแยกจากกันหรือไม่?"

"รับค่ะ" มาเรียตอบด้วยเสียงอ่อนหวาน

เอลลูญ์พยักหน้าก่อนจะหันไปหาปิเอโร่ "ปิเอโร่ เจ้าจะรับมาเรียเป็นภรรยา ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข มั่งมีหรือยากจน และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าจะแยกจากกันหรือไม่? "

"รับครับ" ปิเอโร่พูดแล้วหันมายิ้มให้มาเรียอีกครั้ง

"เอาล่ะเจ้าบ่าว จงสวมแหวนให้กับเจ้าสาวได้แล้ว" เอลลูญ์เอ่ยเบาๆ แล้วซีโร่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็เดินเข้ามาและนำแหวนมาให้

ปิเอโร่ยกมือของมาเรียขึ้นมาและสวมแหวนทองคำประดับเพชรสีใส "ผมรักคุณนะ"

พลั่ก!

มาเรียที่กำลังเขินอายใช้มือต่อยเข้าที่ท้องของปิเอโร่อย่างจัง

...อย่างนี้มันแก้แค้นกันชัดๆ โจ้กเกอร์ หลงเฟย เครมิส และเฟรน คิดขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

ปิเอโร่ฝืนยิ้มให้ปกติที่สุด แล้วเอลลูญ์ก็กล่าวต่อ "อะแฮ่ม! เจ้าสาว สวมแหวนให้กับเจ้าบ่าวได้เลย"

มาเรียจับมือของปิเอโร่ขึ้นมาเสียงดัง 'กร๊อบ'...

...ชัดๆ เลยล่ะรอบนี้ ทุกคนคิดขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง

คลาวเดียที่ถูกบังคับให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวจำเป็นยืนขึ้นแล้วเดินถือแหวนมาให้มาเรีย

มาเรียสวมแหวนให้ปิเอโร่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปิเอโร่ที่กำลังฝืนยิ้มอยู่หน้าเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ

เฟรนมองลงไปบริเวณที่มาเรียและปิเอโร่ยืนอยู่ แล้วพบว่า มาเรียกำลัง 'ขยี้' เท้าของปิเอโร่อยู่...

เหอๆ ก็สมควรแล้วล่ะ เฟรนหัวเราะแห้งๆ ในใจเป็นการไว้อาลัยให้ปิเอโร่

"เอาล่ะ ข้าขอประกาศให้ คนทั้งสองเป็นสามีและภรรยากัน!" สิ้นคำของเอลลูญ์ เสียงตะโกนแห่งความยินดีก็ดังกึกก้องไปทั่ววิหารแห่งไมนัส

"จูบกันเลยสิๆ" เสียงตะโกนจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายดังสนั่นเป็นเสียงเดียวกัน

ปิเอโร่เปิดผ้าคลุมหน้าของมาเรียออก ก่อนจะก้มลงไปประทับริมฝีปากกับมาเรียเบาๆ แล้วผละออกมาช้าๆ

"เย้!!!~~~" เสียงปรบมือและตะโกนด้วยความยินดีดังขึ้นอีกครั้ง

ปิเอโร่ยิ้มให้มาเรีย ก่อนจะเอ่ยขอโทษเรื่องในครั้งนี้ "ผมขอโทษด้วย ที่ทำให้คุณต้องลำบากกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันหรอกนะครับ"

"ย่ะ! ฉันรู้แล้ว... ถือซะว่าฉันยกโทษให้ก็แล้วกัน" มาเรียหน้าแดงด้วยความเขินอายก่อนจะประทับริมฝีปากกับปิเอโร่อีกครั้ง...

.....

หิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายลงมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่รักทั้งสองอยู่ด้านนอกวิหารแห่งไมนัส ลมเย็นพัดแผ่วเบาช่วยปัดเป่าเรื่องราวร้ายๆ ต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่เรื่องราวน่ายินดีนี้กลับเป็นเพิ่งอีกจุดเริ่มต้นหนึ่งของการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
การแข่งขันของเหล่าผู้ครอบครองกุญแจที่ตอนนี้ได้เรียนรู้ถึงคำว่า 'มิตรภาพ'...

.....

----------------------------------------THE END-------------------------------------------------

อะแฮ่ม! ถึงแม้งานแต่งงานนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่เรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้ผมลืมมันไปได้ง่ายๆ หรอกนะ! นอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ผมยังเกือบตายอีก ...ผม เฟรน เชอร์เรย์ ขอปติญาณกับตัวเองไว้ ณ ที่นี้เลยว่า ชาตินี้ยังไงก็ไม่ขอมีแฟน! ไม่มีวันแต่งงานอย่างเด็ดขาด!!!

THE END



แก้ไขล่าสุดโดย parima28 เมื่อ Mon May 21, 2012 8:52 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
parima28
parima28

จำนวนข้อความ : 120
Join date : 25/04/2012
Age : 27

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  RUMINA Mon May 21, 2012 8:26 pm

ท้ายเทิร์นนี่แน่ใจที่พูดหรอคะคุณเฟรน.....เดี๋ยวเคะน่ารักๆก็วิ่งเข้าหาคุณสักวันอยู่ดีล่ะค่ะ โฮะๆ
RUMINA
RUMINA

จำนวนข้อความ : 286
Join date : 25/04/2012
Age : 26

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  parima28 Mon May 21, 2012 8:35 pm

RUMINA พิมพ์ว่า:ท้ายเทิร์นนี่แน่ใจที่พูดหรอคะคุณเฟรน.....เดี๋ยวเคะน่ารักๆก็วิ่งเข้าหาคุณสักวันอยู่ดีล่ะค่ะ โฮะๆ

เฟรน : ไม่เอา! ยังไงผมก็ไม่แต่งงานเด็ดขาด แล้วก็ ผมจะไปมีเคะได้ยัง!? ผมไม่ได้อยู่สายYสักหน่อย!!!

เฟรนด์ : มีสาระจริงๆ ออริฉัน = = //ปวดตับ
parima28
parima28

จำนวนข้อความ : 120
Join date : 25/04/2012
Age : 27

ขึ้นไปข้างบน Go down

[[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]] Empty Re: [[Big Quest]].... มาเรียแต่งงานกับปิเอโร่เถอะ!![[ปิดเควส]]

ตั้งหัวข้อ  DarkPhoenix Sun Jun 03, 2012 11:05 pm

ลืมมาวิจารณ์

ขอพูดรวมๆ แล้วกันนะเพราะลืมๆ ไปบ้าง T^T

การแต่งเควสนี้แม้ไม่ได้มีการเตี๊ยมกันมาก่อนแต่ก็ต่อเนื่องกันได้ดีพอสมควร แต่ละคนสามารถทิ้งท้ายแต่ละตอนได้น่าลุ้นดี โจ๊กเกอร์โหดได้ใจ มีเรื่องให้ลุ้นบ้างอะไรบ้างอย่างเช่นยกประเด็นเรื่องคำสาปของเครมิสมาใช้ เล่นเอาเสียวว่าเฟรนจะเดี้ยงหรือไม่ 555

ที่ชอบอีกคือตอนจบที่มาเรียแก้เผ็ดปิเอโร่ ดูเป็นคู่รักที่หวานชื่นน่ารักจริงๆ

ในด้านของการเขียนแต่ละคนพัฒนาขึ้นจากเควสก่อนๆ พอสมควรเลยเช่นการแต่งฉากบู๊หรือการจัดวางบทสนทนาก็ทำได้ลื่นไหลมากขึ้น เข้าถึงตัวละครมากขึ้น
DarkPhoenix
DarkPhoenix

จำนวนข้อความ : 291
Join date : 25/04/2012

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ